เวลาที่เราเสิร์ช Google หาอะไรบางอย่าง เช่น “SEO คืออะไร” “ร้านอาหารใกล้ฉัน” แล้วเจอข้อมูลที่โชว์อยู่บนหน้าเพจ ทั้งพิกัด หรือรายละเอียดต่าง ๆ แบบที่เราแทบไม่ต้องคลิกเข้าไปหาคำตอบในเว็บต่อ มันทั้งสะดวกและมีประโยชน์มากเลยใช่ไหมครับ ? สิ่งนี้แหละครับที่เรียกว่า “Rich snippets” ที่นักการตลาดและบริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress และให้บริการรับทำ SEO หลายแห่งนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มความโดดเด่นและน่าสนใจให้กับเว็บไซต์หรือธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักว่าคืออะไร มีประโยชน์ต่อการทำ SEO มากน้อยแค่ไหน รวมถึงตัวอย่างการทำที่คุณควรต้องรู้!
Rich Snippets คืออะไร ?
คือ Google Rich snippets เป็นฟีเจอร์การแสดงผลบนหน้า Google แบบพิเศษที่ทำให้เราเห็นผลลัพธ์ที่นอกเหนือจาก Title และ Description ไม่ว่าจะเป็น คำอธิบายเพิ่มเติม, ราคา, คะแนนรีวิว หรือสินค้าต่าง ๆ โดยจะแสดงผลอยู่ด้านบนสุดหรือด้านขวามือของหน้าค้นหา
มีข้อดีอย่างมากในการดึงดูดสายตาผู้เข้าชม รวมถึงช่วยกระตุ้นอัตราการคลิกผ่านเว็บไซต์ (Clickthrough Rate) และยิ่งถ้าเว็บไซต์ของเราสามารถให้คำตอบกับผู้ใช้งานได้ ก็จะส่งผลดีต่อการจัดอันดับคุณภาพเว็บไซต์และอันดับ SEO ตามไปด้วย
ประเภทของ Rich Snippets
ในปัจจุบันนี้ Rich snippets SEO ที่ Google รองรับนั้นมีด้วยกันถึง 31 ประเภท (อ่านรายละเอียด คลิก) ฟังดูเยอะใช่ไหมครับ แต่ความจริงแล้วในบางประเทศ, บางภาษา หรือบางเว็บไซต์ก็ยังไม่มีการรองรับบางตัว ดังนั้นเราจะขอพูดถึงแค่ 4 ประเภทหลักที่มักพบเจออยู่บ่อยครั้ง ได้แก่
1. Featured Snippet
เป็น Rich snippets ที่เรามักจะคุ้นหน้าคุ้นตาและพบเจอได้บ่อยที่สุด โดย Featured Snippet จะเป็นการแสดงชุดคำตอบสั้น ๆ ประมาณ 1 ย่อหน้า ในคำถามหรือสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการค้นหาที่ด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์ หรือที่เราเรียกว่า “อันดับ 0” (Position Zero) นั่นเอง และจะมีการไฮไลท์หรือเน้นตัวหนาในส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญ พร้อมลิงก์ไปยังเว็บไซต์นั้น ๆ ด้านล่าง
Featured Snippet มีข้อดีคือ เหมาะกับเว็บไซต์ทุกประเภท และสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราอยู่เหนือคู่แข่งในหน้าค้นหาได้ ในทางกลับกัน หากเว็บไซต์ของคุณมีอันดับ SEO ที่สูงกว่า แต่ Google กลับดึงเว็บไซต์คู่แข่งที่อันดับต่ำกว่าไปแสดงผลก็อาจทำให้เราสูญเสียยอดคลิกและการเข้าถึงจากในส่วนนี้ได้เช่นกัน
2. Review Snippet
เป็นรูปแบบการแสดงผลที่เจอได้บ่อยไม่แพ้กับ Featured Snippet โดยจะนำคะแนนรีวิวมาแสดงอยู่ใต้ Description มีข้อดีคือสามารถใช้งานกับเว็บไซต์และเนื้อหาที่หลากหลายและใช้ร่วมกับ snippets แบบอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น บทความ สูตรอาหาร รีวิวร้านอาหารหรือรีวิวสถานที่ เป็นต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่เว็บไซต์ แต่บางครั้งก็อาจมีการสร้างรีวิวปลอมเพื่อปั๊มคะแนนเว็บไซต์ให้สูงขึ้น ดังนั้น ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการสังเกตโดยเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งอื่นไปพร้อม ๆ กัน
3. Local Business Snippet
มักนิยมใช้กับธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือร้านค้าต่าง ๆ ที่มีหน้าร้าน โดย Google จะดึงข้อมูลจาก Google Business Profile ของธุรกิจนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น รีวิว, พิกัดร้าน, เวลาทำการ, ฯลฯ และแสดงผลในฝั่งขวามือของ Google SERP ซึ่ง Rich snippets ประเภทนี้มีข้อดีมากสำหรับร้านค้าที่อาจจะยังไม่มีเว็บไซต์โดยตรง เพราะลูกค้าจะยังสามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์หรือข้อมูลที่ระบุไว้ใน snippets รวมถึงช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านรีวิวบนหน้า Google ได้อีกด้วย
4. Product Snippet
ใช้กับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีการจำหน่ายสินค้า โดยเวลาที่มีใครเสิร์ชหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่จำหน่ายในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มนั้น ๆ ก็จะมีการแสดงผลในหน้าค้นหา โดยสังเกตได้จากสัญลักษณ์ป้ายแท็กและคำว่า “ผลิตภัณฑ์” ที่มุมซ้ายล่างของรูปภาพ หรือราคาและรีวิวใต้ Description ของเว็บไซต์นั้น ๆ
เทคนิคการทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้แสดงผลแบบ Rich Snippets
แม้ว่าการติด Rich snippets บนหน้า Google จะทำให้เราได้พื้นที่ในหน้าค้นหา รวมถึงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่ความจริงแล้วก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าเราควรทำคอนเทนต์ลักษณะไหนถึงจะการันตีได้ว่าจะถูกนำไปแสดงผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เราจะขอแชร์เทคนิคการทำคอนเทนต์ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราถูกพิจารณาให้ขึ้นอันดับ 0 มากขึ้น
- โดยลองเปรียบเทียบโครงสร้างเว็บไซต์ของเรากับเว็บไซต์ที่ถูกเลือกให้แสดงผลแบบ Rich Snippets ดูว่าแตกต่างกันอย่างไร มีองค์ประกอบหรือการใช้ Keyword ในการค้นหาแบบไหน
- เน้นการทำคอนเทนต์ในรูปแบบถาม-ตอบ เพราะโดยส่วนใหญ่ Google มักจะเลือกเนื้อหาที่เป็นคำตอบและมีคำอธิบายสั้น ๆ มาแสดงผลมากกว่าเนื้อหาที่อธิบายแบบยาว ๆ
- ทำ Keyword Research ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยศึกษาจากแท็บ “การค้นหาเพิ่มเติม” ว่าคนทั่วไปจะเสิร์ชหาอะไรที่เกี่ยวกับ Keyword ที่เราจะใช้งานบ้าง
- มีการแบ่งหัวข้อชัดเจน และทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและประเภท
วิธีเช็ก Rich snippets
เราสามารถเข้าไปทดสอบการแสดงผลได้ที่ Rich Result Test โดยกรอก URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการ เลือกว่าจะทดสอบการแสดงผลในสมาร์ทโฟนหรือเดสก์ท็อป และกดปุ่ม URL ทดสอบ จากนั้นรอระบบของ Rich Result Test ประมวลผลประมาณ 1-2 นาที
- ถ้าหากขึ้นข้อความ “ตรวจพบรายการที่ถูกต้อง” แสดงว่าเว็บไซต์ของเราทำเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็รอแค่ให้ Google ดึงข้อมูลไปแสดงในหน้าแรกเท่านั้นเอง
- แต่ถ้าหากขึ้นข้อความ “ไม่พบรายการ” แสดงว่าคอนเทนต์ของเรานั้นอาจยังไม่ตรงเกณฑ์ที่ Google ต้องการ ควร Recheck และปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสม
สรุป
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างมาก แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามก็คือคอนเทนต์ที่ดี กระชับ และมีคุณค่า ดังนั้น เราจึงควรโฟกัสทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กัน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการที่ Google จะดึงเว็บไซต์เราขึ้นไปสู่อันดับศูนย์และสร้างความโดดเด่นรวมถึงความน่าเชื่อถือเหนือคู่แข่งนั่นเอง
——————————————————————–
หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–
ขอบคุณข้อมูลจาก