ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณา การสร้างคลิปคอนเทนต์ หรือจะเป็นการเขียนคอนเทนต์ ล้วนเป็นการลงทุนของธุรกิจทั้งหมดและย่อมอยากให้ผลลัพธ์ของการลงทุนนั้นออกมาดี ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าการลงทุนในครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ยิ่งเป็นการตลาดออนไลน์ที่ไม่สามารถรับรู้ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยตาเปล่า จึงมีเมทริกซ์ที่เรียกว่า CTR หรือก็คือ “Click Through Rate” หน่วยชี้วัดอัตราการคลิกเข้าชมของกลุ่มเป้าหมายต่อโฆษณาของธุรกิจว่ามีมากน้อยเพียงใด
CTR คือ ?
CTR ย่อมาจาก Click Through Rate หน่วยชี้วัดปริมาณการคลิกของกลุ่มเป้าหมายต่อจำนวนการมองเห็น ยิ่งหาก CTR ของมีอัตราสูงเท่าไหร่ แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของโฆษณา หรือเว็บไซต์ว่ามีความน่าสนใจมากเท่านั้น โดยสามารถคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้
สูตรคำนวณ CTR
CTR ( Click Through Rate) = (จำนวนการคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100
ตัวอย่างการคำนวณ
เช่น การลงบทความบนเว็บไซต์ มีการคลิกเข้ารับชมบทความ 45 ครั้งถูกแสดงบนหน้าค้นหา 150 ครั้ง ให้นำจำนวนการคลิก/จำนวนการแสดงผล แล้วนำมา x ด้วย 100 จะได้เป็น
( 45 / 150 ) × 100 = 30 % เท่ากับว่า การเขียนบทความบนเว็บไซต์ในครั้งนี้ มีผู้รับชม นับเป็น 30% ของการถูกแสดงบนหน้าค้นหาในการโปรโมทครั้งนี้
CTR สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ ?
CTR หรือ Click Through Rate เป็นเมทริกซ์ ที่เข้ามาช่วยในการคำนวณในการเลือกโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่อธุรกิจมากที่สุด นอกจากนี้ CTR ยังมีประโยชน์หลาย ๆ ด้านในการทำกิจกรรมโฆษณา เช่น
-
ทราบประสิทธิภาพของโฆษณา
เมื่อรวบรวมข้อมูลจำนวนการคลิกต่อการมองเห็นของโฆษณาแต่ละตัว ธุรกิจสามารถนำมาวิเคราะห์ผลลัพธ์ของโฆษณา เพื่อเลือกโฆษณาที่น่าสนใจนำมาโปรโมทให้กับธุรกิจและปรับคุณภาพของการทำโฆษณาให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นในครั้งถัดไป
-
วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดบนออนไลน์ ที่ยังไม่มีกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจที่ชัดเจน CTR เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย สามารถทราบว่าเนื้อหาของโฆษณาแบบใด ที่ได้รับความสนใจ ทำให้ทราบถึงลักษณะของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สามารถนำข้อมูล CTR มาประมวลผล และเลือกเนื้อหาของโฆษณาที่สอดคล้องกับความน่าสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเพิ่มยอด CTR
เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจต้องมีการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อให้ได้กระแสตอบกลับที่ดีมาในที่สุด
-
ตั้งชื่อหัวข้อที่น่าดึงดูด
การตั้งชื่อหัวข้อที่มีแต่ข้อความอาจไม่ดึงดูดความน่าสนใจ จึงต้องมีการเน้นตัวอักษรให้เห็นได้ชัดเจน หรือ มีเครื่องหมายพิเศษมาช่วยเสริม ให้ข้อความดูโดดเด่นเป็นพิเศษ การใช้ตัวเลขเข้ามาช่วยเสริมข้อความ ให้ผู้อ่านสามารถจำเลขตัวและข้อความได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
-
- ใช้คำ/เครื่องหมายที่กระตุ้นความรู้สึก : เช่น เที่ยวคนเดียวก็สนุกได้ !
- ใช้คำที่สร้างความสงสัย : เช่น คืออะไร ? , ทำอย่างไร ?
- ใช้ตัวเลข : เช่น 20 วิธีออมเงิน, อัปเดตใหม่ 2023
-
เขียน Meta Description ให้น่าสนใจ
การเขียนอธิบายข้อความให้อยู่ในรูปแบบที่สั้น กะทัดรัด ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาได้รวดเร็วและตัดสินใจที่เข้าชมเว็บไซต์ได้ทันที
-
ใช้ URL ที่สั้นและมีความหมาย
การใช้ชื่อ URL ที่สั้นและมีความหมาย สำคัญต่อธุรกิจ ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นของผู้เข้าชมเว็บไซต์และเกิดภาพจำได้ทันที ว่าชื่อ URL เป็นของธุรกิจนี้
การวิเคราะห์ค่า CTR ผ่านแต่ละช่องทางการโฆษณา
ช่องทางการดู CTR ของแต่ละแพลตฟอร์มจะมีความแตกต่างกัน แต่การคำนวณของ CTR จะมีวิธีการที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
-
ค่า CTR ในการโฆษณา Facebook Ads
สำหรับแพลตฟอร์มการโฆษณาในช่องทาง Facebook Ads สามารถเข้าไปดูค่า CTR ในเครื่องมือ Facebook Business Manager เพื่อทราบอัตราการคลิกดูโฆษณาต่อการมองเห็นของผู้ที่เห็นโฆษณา หรือธุรกิจสามารถใช้สูตรคำนวณค่า CTR = (จำนวนการคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100
-
ค่า CTR ในการโฆษณา Google Ads
ค่า CTR บน Google Ads จะได้จากการสร้างเนื้อหาที่ตอบคำถามให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นหลัก การเข้าใช้งาน Google คือการ Search ค้นหาคำตอบที่มีข้อคำถามที่ต้องการข้อมูล หากธุรกิจต้องการให้ค่า CTR มีจำนวนที่สูง การสร้างเนื้อหาให้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาข้อมูลนั้นอยู่และสอดแทรกคำโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเนื้อหานั้น เพื่อไต่อันดับคำค้นหาให้สูงขึ้น ค่า CTR ที่เกี่ยวข้องกับการคลิกเข้ารับชมเว็บไซต์จะมีจำนวนการคลิกที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
-
ค่า CTR ในการโฆษณา Email Marketing
การสร้างโฆษณา บน Email Marketing จะมีความแตกต่างจากการสร้างโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่นๆ คือ ธุรกิจจะไม่ได้เสียเงินในการลงทุน แต่เป็นการลงทุนด้านเวลาในการพิมพ์ Email มากกว่า เมื่อธุรกิจต้องการให้ Email ที่ส่งไปได้รับการตอบกลับ สิ่งสำคัญคือการเขียนชื่อ Email ให้น่าสนใจ ภาพรวมของข้อความใน Email ต้องกระชับ ให้ผู้รับสามารถจับได้ใจความได้ง่าย หากธุรกิจต้องการหาค่า CTR สูตรหาค่า CTR ของ Email Marketing มีความแตกต่างกับแพลตฟอร์มอื่นๆ อยู่ด้วย CTR = (จำนวนการเปิด Email/ Emailที่ถูกส่ง) x 100
-
ค่า CTR สำหรับ SEO
ลำดับของ SEO แต่ละเว็บไซต์ มีความเกี่ยวข้องกับค่า CTR เนื่องจาก CTR คือ อัตราการคลิกเข้าเว็บไซต์ จึงนำมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการจัดอันดับ บทความ SEO มองภาพได้ง่ายเลยก็คือ ความนิยมของการเข้ารับชมบทความ หากเว็บไซต์ที่มีบทความ มีลำดับ SEO สูง แสดงถึงน่าความสนใจของหัวข้อบทความที่ตรงประเด็นกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย การคลิกเข้ารับชมย่อมสูงไปด้วยเช่นกัน ธุรกิจสามารถดูค่า CTR ได้จาก Google Search Console เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ หาค่า CTR ต่อไป โดยสูตรหาค่า CTR จะเหมือนกับสูตรหาค่าบนแพลตฟอร์ม Facebook กับ Google Ads
ค่า CTR มีความสำคัญมากกว่าที่คิด ดังนั้นธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับ CTR ของโฆษณา โดยทำการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา และเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้ธุรกิจ
ขอบคุณสำหรับแหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://thedigitaltips.com
https://stepstraining.co
https://papayiw.com