click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ก่อนที่ Cotactic Media จะไปแนะนำแพลตฟอร์มสร้างทำเว็บไซต์ฟรี เรามาปูพื้นฐานกันสักหน่อยดีกว่า สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหนกำลังอยากจะเริ่มต้นเปิดตัวธุรกิจออนไลน์ ต้องการให้ลูกค้าค้นพบคุณผ่านเว็บไซต์ จนถึงอยากจะมีหน้าร้าน E-Commerce เป็นของตนเอง ไม่ต้องง้อ E-marketplace เจ้าไหน

เราควรต้องพิจารณาอะไร หรือเตรียมตัวอย่างไรก่อนบ้าง เพื่อจะตัดสินใจได้ว่าแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์และฟีเจอร์ไหนจะตอบโจทย์คุณมากที่สุด

ก่อนสร้างเว็บไซต์ฟรีต้องเตรียมอะไรบ้าง

ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนสร้างเว็บไซต์ฟรี

1. กำหนดเป้าหมายและงบประมาณการสร้างเว็บไซต์

  • ต้องการสร้างเว็บไซต์ด้วยวัตถุประสงค์อะไรบ้าง
  • ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง
  • ต้องการสื่อสารเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรบ้าง
  • ต้องการให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้าร่วมกิจกรรมอะไรบนเว็บไซต์บ้าง
  • ต้องการใช้งบประมาณจำนวนเท่าไหร่

2. เลือกแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสม

  • พิจารณาระดับการใช้งานแต่ละแพลตฟอร์มที่เหมาะกับขนาดธุรกิจ รองรับปริมาณผู้ใช้โดยเฉลี่ย ระดับการเติบโตของเว็บไซต์ในอนาคตข้างหน้า 3-5 ปี และความสามารถปรับแต่งของตนเองและทีม
  • คัดเลือกแพลตฟอร์มที่น่าสนใจไม่เกิน 5-6 ราย แล้วสำรวจฟีเจอร์สำคัญ เรียงลำดับตามความจำเป็น และคุณลักษณะเด่น
  • ตัดแพลตฟอร์มที่ยังไม่ถูกใจออก ให้เหลือเพียง 2-3 ค่าย แล้วคำนวณรวมราคาทั้งตัวแพลตฟอร์มและฟีเจอร์ เพื่อเปรียบเทียบราคารายเดือนและรายปีของแต่ละค่าย

3. ตั้งชื่อ Domain Name และเลือกนามสกุล

  • ตั้งชื่อเว็บไซต์ของคุณให้จดจำง่าย สื่อความหมายถึงผลิตภัณฑ์และบริการของคุ
  • เลือกนามสกุลของเว็บไซต์ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น
    • .com เป็นนามสกุลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ทุกคนคุ้นเคยติดหู มีความน่าเชื่อถือสูง จึงค่อนข้างมีราคาสูง
    • .co เหมาะสำหรับ Personal Branding
    • .io เหมาะสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี
    • .org เหมาะสำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหรือมูลนิธิ
    • .biz เหมาะสำหรับธุรกิจ SME
    • .club เหมาะสำหรับชมรม
    • .blog เหมาะสำหรับ blogger
  • ตรวจสอบว่าชื่อโดเมนนั้นยังว่างอยู่หรือไม่
  • เปรียบเทียบราคาชื่อและนามสกุลที่สนใจ โดยมากราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 350-500 บาทต่อปี ควรรีบจองซื้อไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลาธุรกิจคุณพร้อมเปิดตัวจะสามารถใช้ชื่อดังกล่าวได้

4. เลือกเทมเพลตสร้างเว็บไซต์

  • ค้นหาเทมเพลตที่ถูกใจ ซึ่งมีให้เลือกมากมายภายในเว็บไซต์สำเร็จรูปที่คุณสนใจ
  • เลือกสไตล์เทมเพลตให้เหมาะกับ Branding ของธุรกิจคุณ
  • เลือกความยืดหยุ่นของระบบปรับแต่งเทมเพลตที่คุณต้องการ
  • เลือกเทมเพลตฟรี หรือจ่ายเงินซื้อเพิ่มให้สวยถูกใจ ตามแต่งบประมาณของคุณ
เลือกเทมเพลตเว็บไซต์สำเร็จรูป

5. จัดเตรียมเนื้อหา

จัดเตรียมเนื้อหาที่จะขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ เช่น

  • เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และประวัติความเป็นมาของธุรกิจ
  •  เกี่ยวกับผู้ก่อตั้งและทีมงาน
  • เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของคุณ
  • บทความให้ความรู้สนับสนุนความเชื่อมั่นในธุรกิจ ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

6. จัดเตรียมรูปภาพ

  • ภาพตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ กำหนดตามสัดส่วนที่แพลตฟอร์มกำหนดไว้ให้ เพื่อการแสดงผลที่เหมาะเจาะและสวยงาม
  • รูปภาพประกอบเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพความละเอียดสูง แต่ขนาดใหญ่ไม่เกิน 150kb

7. ศึกษาการทำ SEO และวิธีใช้งาน SEO Tools

  • หลายแพลตฟอร์มสำเร็จรูปมีเครื่องมือทำ SEO ให้ใช้ฟรี หรือสามารถซื้อฟีเจอร์เสริมได้ เพื่อช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์จนติดอันดับแรก ๆ ของ Google
  • ศึกษาวิธีทำ Keyword Research คัดเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณ โดยไม่ลืมใส่ Meta Title และ Meta Description ในบทความ รวมถึง Alt Text ในรูปภาพ และการสร้าง Backlinks

8. เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์และทดสอบเว็บไซต์

  • ตั้งค่าเว็บไซต์ และเริ่มต้นจัดวาง แบ่งสัดส่วนหน้าแรกหรือหน้าหลักของเว็บไซต์ให้สำเร็จ
  • เพิ่มหน้าสำคัญอื่น ๆ ใส่เนื้อหาข้อความและรูปภาพประกอบ
  • ทดสอบเว็บไซต์แต่ละหน้าบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือว่าแสดงผลถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็วดีพอหรือไม่
  • แก้ไขข้อผิดพลาดก่อนประกาศเปิดตัวเว็บไซต์
  • ศึกษาหาวิธีและไอเดียใหม่ ๆ ในการทำการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

10 แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี

เว็บไซต์สำเร็จรูป (Website Builder) ใช้งานง่ายแบบลากวาง (Drag-and-Drop) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้ง 10 ตัวต่อไปนี้ เป็น The Best Free Website Builders Of 2024 ที่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes Advisor, PCMag, และ TechRadar ด้วยความโดดเด่นกันคนละด้าน

1. GoDaddy

GoDaddy ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1997 โดย Bob Parsons เป็นบริษัทจดทะเบียน Domain และ Web Hosting ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเริ่มเปิดให้บริการ Web Builder เวอร์ชันแรกในปี 2006 และปรับปรุงเวอร์ชันใหม่ล่าสุดในปี 2023

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย GoDaddyภาพรวมของ GoDaddy

  • ภาพลักษณ์ มีความน่าเชื่อถือ เป็นมืออาชีพ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น หรือธุรกิจ SME ถึงธุรกิจขนาดกลาง
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $4.99 ต่อเดือน

จุดเด่นของ GoDaddy

  • Domain Name ให้บริการจดทะเบียนโดเมน มีให้เลือกกว่า 80 ล้านรายชื่อในนามสกุลที่แตกต่างกันไป
  • Web Hosting ให้บริการหลายรูปแบบ
    • Shared Hosting ใช้ทรัพยากรร่วมกับเว็บไซต์อื่น เหมาะกับเว็บไซต์ SME งบน้อย ง่ายต่อการจัดการดูแล แต่อาจล่มหรือโหลดช้าได้ และมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (หากใช้กับ WordPress โดยเฉพาะ จะติดตั้ง ตั้งค่า และจัดการระบบผ่าน cPanel หรือ Plesk อัปเดตอัตโนมัติยกระดับความปลอดภัยดีขึ้น แต่ราคาจะสูงกว่าปกติ)
    • Private Hosting สำหรับเว็บไชต์ขนาดใหญ่ที่มี Traffic จำนวนมาก เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและเสถียรสูง
    • VPS จำลองเซิร์ฟเวอร์เสมือนมีฮาร์ดแวร์เป็นของตนเอง_
  • Template ตัวเลือกหลากหลายกว่า 900 แบบ
  • GoDaddy Studio ใช้งานง่าย มีระบบ AI ช่วยออกแบบเว็บไซต์
  • Business Email อีเมลสำหรับธุรกิจ
    Microsoft 365 อีเมลครบวงจร ใช้งานร่วมกับ Office 365 จัดเก็บพื้นที่บน OneDrive มีความปลอดภัย ระดับมืออาชีพ และ Workspace Email พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 15GB ราคาประหยัด สำหรับธุรกิจ SME
  • On-page SEO Tools สำหรับตรวจสอบอันดับ ติดตาม และปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์, ค้นหาคำหลักใน Keyword Research ใช้งานร่วมกับ Google Analytics, พร้อมตัวช่วยสร้าง Sitemap และ robots.txt
  • App Market มีฟังก์ชันเสริมให้ผู้ใช้เลือกซื้อติดตั้งเพื่อเพิ่มความสามารถพิเศษให้แก่เว็บไซต์

ข้อจำกัดของ GoDaddy

  • ไม่สามารถแก้ไของค์ประกอบในหน้าเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ และอาจใช้พื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ในเวอร์ชันฟรี

2. Wix

Wix ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดย Avishai Abrahami, Nadav Abrahami, และ Giora Kaplan เปิดตัว Website Builder ในปี 2007 ได้รับรางวัล Best Website Builder for Beginners จาก PCMag และ Forbes Advisor

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Wix

ภาพรวมของ WIX

  • ภาพลักษณ์ ล้ำสมัย มีลูกเล่น สนุกสนาน
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น หรือธุรกิจ SME ถึงธุรกิจขนาดกลาง
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $13 ต่อเดือน

จุดเด่นของ WIX

  • Wix ADI (Artificial Design Intelligence) เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ด้วย AI ซึ่งพัฒนาเป็นรายแรก ๆ ตั้งแต่ปี 2016
  • Coding ให้นักพัฒนาเว็บไซต์สามารถเพิ่มโค้ด HTML และ CSS ได้
  • Wix App Market  มีฟีเจอร์เสริมให้เลือกมากมาย เช่น
    • Wix Bookings: ระบบจองคิวออนไลน์ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ให้บริการนัดหมาย
    • Wix Events: จัดการงานอีเวนต์ ขายตั๋ว ลงทะเบียนผู้เข้าร่วม
    • Wix Stores: สร้างร้านค้าออนไลน์ ขายสินค้าออนไลน์
    • Wix Art Store: ขายผลงานศิลปะดิจิทัล
    • Wix Pro Gallery: แสดงผลงานภาพถ่าย วิดีโอ และสื่ออื่น ๆ
    • Wix Chat: ระบบแชทกับลูกค้า สามารถแปลภาษาข้อความแชทได้แบบเรียลไทม์ พร้อมรายงานการวิเคราะห์บทสนทนา
    • Affiliate Builder: รองรับระบบมอบส่วนแบ่งรายได้ให้แก่นักรีวิวช่วยทำการตลาดให้ร้านค้า

ข้อจำกัดของ WIX

  • ใช้พื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ในเวอร์ชันฟรี

3. Mailchimp

Mailchimp ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 โดย Ben Chestnut และ Dan Kurziu เริ่มต้นจากเป็นผู้ให้บริการ Email Marketing Platform เพื่อกระจายอีเมลแคมเปญการตลาดจำนวนมากโดยอัตโนมัติ มีสมาชิกมากกว่า 25 ล้านผู้ใช้ โดยล่าสุดได้เปิดตัว Mailchimp Website Builder ในปี 2023 หลังจากเข้าซื้อระบบ Websites + Marketing จาก GoDaddy

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Mailchimp

ภาพรวมของ Mailchimp

  • ภาพลักษณ์ มี Mascot ลิงชิมแปนซี และปุ่มสีเหลืองมัสตาร์ดที่น่าจดจำ ดีไซน์สไตล์ Minimal Retro มีความเป็นคนรุ่นใหม่ สดใส เป็นกันเอง
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น Solopreneurs หรือธุรกิจ SME ที่เน้นกลยุทธ์ Email Marketing
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $9.99 ต่อเดือน

จุดเด่นของ Mailchimp

  • Personalized Email and SMS Marketing เชื่อมต่อกับ Mailchimp บริการหลักที่เป็นจุดแข็ง ช่วยธุรกิจส่งจดหมายข่าวประชาสัมพันธ์แคมเปญการตลาด และข้อเสนอสุดพิเศษแก่ลูกค้าสมาชิกให้เหมาะสมกับความสนใจของแต่ละคน
  • Mailchimp CRM ระบบจัดเก็บข้อมูลลูกค้าและแบ่ง Customer Segmentation เพื่อทำการสื่อสารการตลาดให้ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจ
  • AI Growth Assistant ตัวช่วยสร้างอีเมลการตลาดอัตโนมัติ เช่น อีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่ แจ้งเตือนให้ลูกค้ากลับมาช้อปสินค้าที่เลือกค้างไว้ในตระกร้า และส่งอีเมลอัปเดตสินค้าเข้าใหม่
  • WooChimp & Shopify Integration เชื่อมต่อระบบร้านค้าของ WooCommerce และ Shopify ได้

ข้อจำกัดของ Mailchimp

  • มีเทมเพลตและฟีเจอร์น้อย
  • ไม่เหมาะกับธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมาก
  • ไม่เหมาะสำหรับการสร้าง Blog
  • เว็บไซต์ฟรีจะใช้ชื่อโดเมนย่อยของ Mailchimp ซึ่งจะทำให้ขาดความเป็นมืออาชีพ ไม่น่าเชื่อถือ หากเปิดใช้เพื่อเป็นเว็บไซต์ธุรกิจ

4. Weebly

Weebly ก่อตั้งในปี 2006 โดย David Rusenko, Chris Fanini และ Dan Veltri Weebly Pro มีฟีเจอร์สำหรับธุรกิจ eCommerce ได้รับรางวัล “Best New Web App” จาก Mashable ในปี 2007 มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคน ในปี 2023

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Weebly

ภาพรวมของ Weebly

  • ภาพลักษณ์ เรียบง่าย มินิมัล ทันสมัย คล่องตัว
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ทุกระดับ ธุรกิจทุกขนาด
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $8 ต่อเดือน สำหรับ Professional Plan

จุดเด่นของ Weebly

  • Weebly for Mobile ใช้สร้างและแก้ไขเว็บไซต์บนมือถือ
  • Weebly eCommerce สามารถเปิดร้านค้าได้แม้จะเป็นเว็บไซต์ฟรี

ข้อจำกัดของ Weebly

  • ใช้พื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ฟรี
  • มีเทมเพลตให้เลือกน้อยกว่ารายอื่น
  • รูปภาพเดิมไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำกันภายในเว็บไซต์ได้
  • เครื่องมือ On-page SEO ยังไม่สามารถปรับแต่ง URL และ H tags ได้
  • ไม่มีการรับประกันคืนเงิน

5. WordPress

WordPress ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 โดย Matt Mullenweg และ Mike Little เริ่มจากเปิด Open Source Platform ให้ผู้ใช้เขียน Blog ฟรี ต่อมาได้เพิ่มบริการระบบจัดการเนื้อหา (CMS) สำหรับสร้างเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เลือกปรับแต่งเองได้อย่างยืดหยุ่น ได้รับรางวัล Best Overall Website Builder จาก TechRadar และ Website Builder Expert

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย WordPress

ภาพรวมของ WordPress

  • ภาพลักษณ์ Geek ชอบทดลอง รักอิสระ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ มีความรู้ทางเทคนิค ต้องการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ สามารถเลือกส่วนเสริมด้วยตนเอง
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $4 ต่อเดือน

จุดเด่นของ WordPress

Free Hosting เฉพาะบางผู้ให้บริการที่ให้ข้อเสนอพิเศษ มอบพื้นที่และ Bandwidth จำกัด 3-10GB สำหรับผู้ใช้ WordPress แต่อาจไม่เพียงพอติดตั้งส่วนเสริม พบ downtime บ่อย และความปลอดภัยต่ำ และ WordPress Plugin มีผู้พัฒนาส่วนเสริมเว็บไซต์ ทั้งฟรีและเสียเงิน ให้ผู้ใช้เลือกตอบโจทย์อยู่มากมาย เช่น

  • Themeforest: เว็บไซต์สำหรับซื้อขาย WordPress Theme
  • Envato Market: เว็บไซต์สำหรับซื้อขาย WordPress Plugin
  • WooCommerce: ใช้สร้างร้านค้าออนไลน์บน WordPress
  • Akismet: ใช้ป้องกัน Spam
  • YOAST SEO: เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ติดหน้าต้น ๆ ของ Google

ข้อจำกัดของ WordPress

  • ผู้ใช้ต้องคอยดูแลอัปเดตซอฟต์แวร์และส่วนเสริมด้วยตนเอง
  • ความเร็วการโหลดหน้าเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าและส่วนเสริม
  • มีขั้นตอนยุ่งยากหากต้องการเปลี่ยนไปใช้เทมเพลตใหม่
  • ผู้ใช้ต้องคอยดูแลความปลอดภัยของเว็บไซต์เอง

6. Webflow

Webflow แพลตฟอร์มจัดการเนื้อหาเว็บไซต์และโฮสติ้งในที่เดียว ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดย Vlad Magdalin และ Sergie Magdalin สองพี่น้องชาวอเมริกัน มีนักออกแบบใช้งานกว่า 380,000 คน สร้างสรรค์มากกว่า 450,000 เว็บไซต์ ได้รับรางวัล Best Website Builder for Designers จาก CSS-Tricks และ Web Designer Depot

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Webflow

ภาพรวมของ Webflow

  • ภาพลักษณ์ ทันสมัย มืออาชีพ
  • เหมาะสำหรับ ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ โดยเฉพาะสตูดิโอรับจ้างออกแบบ Website และ Digital Agency ซึ่งต้องดูแลและจัดการเว็บไซต์ให้ลูกค้าหลายราย
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $14 ต่อเดือน

จุดเด่นของ Webflow

  • CMS (Content Management System) ช่วยจัดการคอนเทนต์บนเว็บไซต์ได้อย่างเป็นระบบ โดยมี Dynamic Content ที่ช่วยให้สามารถเพิ่ม-ลด และปรับแต่งการแสดงผลคอนเทนต์ในหลายส่วนบนเว็บไซต์
  • Interactive Timeline Template สร้างสรรค์ลูกเล่นการแสดงผลประวัติเป็นไทม์ไลน์แบบ Vertical Animation
  • Webflow API ผู้ใช้สามารถสร้าง Token API เพื่อใช้ยืนยันตัวตนผ่าน OAuth ได้
  • Visual CSS Designer ช่วยให้นักออกแบบสร้างสรรค์เว็บไซต์ด้วย UX/UI ที่น่าทึ่ง และสามารถ Sync การเชื่อมต่องานออกแบบกับ Figma ได้

ข้อจำกัดของ Webflow

  • เว็บไซต์ฟรีไม่สามารถใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองได้

7. Ucraft

Ucraft ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดย Konstantin Zvereff และ Yury Gusev ชาวยูเครน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Ucraft

ภาพรวมของ Ucraft

  • ภาพลักษณ์ เรียบเท่ มินิมัล ทันสมัย
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น หรือ Personal Branding และร้านค้าออนไลน์
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $10 ต่อเดือน

จุดเด่นของ Ucraft

  • ใช้ชื่อโดเมนของธุรกิจได้ แม้จะใช้เว็บไซต์ฟรี
  • Logo Maker เครื่องมือสร้าง Brand Logo
  • Multilanguage ฟีเจอร์แปลงภาษาอัตโนมัติรองรับมากกว่า 20 ภาษา และปรับแต่ง URL เว็บไซต์สำหรับแต่ละภาษา แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการแปลแบบมืออาชีพ
  • Ucraft Online Store ระบบตะกร้าสินค้า เพิ่มสินค้าได้ไม่จำกัด จัดการสินค้าคงคลังได้ง่าย สร้างคูปองส่วนลดได้ มีระบบติดตามวิเคราะห์ยอดขาย
  • Ucraft App Store ช่วยเพิ่มแอปพลิเคชันต่าง ๆ ลงในเว็บไซต์ เช่น ระบบนัดหมาย จองคิว ปฏิทิน และฟอร์มติดต่อ

ข้อจำกัดของ Ucraft

  • เทมเพลตมีรูปแบบตายตัว ปรับแต่งได้น้อย
  • ไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ Blog ได้หากใช้เว็บไซต์ฟรี
  • โครงสร้างเว็บไซต์อาจไม่เหมาะสำหรับทำ SEO
  • แพ็กเกจฟรีมีพื้นที่เก็บข้อมูลเพียง 500MB
  • ผู้ใช้ไม่สามารถดาวน์โหลดเว็บไซต์ไปไว้บนเครื่องตัวเองได้

8. SITE123

SITE123 ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดย Netaim LTD ผู้ให้บริการ Web Hosting และเว็บไซต์สำเร็จรูปจากอิสราเอล

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย SITE123

ภาพรวมของ SITE123

  • ภาพลักษณ์ เรียบง่าย
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $2.99 ต่อเดือน

จุดเด่นของ SITE123

  • 57% ของผู้ใช้พึงพอใจ เว็บไซต์มีประสิทธิภาพ ใช้ง่าย คุ้มราคา
  • มีเทมเพลตสำหรับมือถือ ออกแบบได้พอดีกับหน้าจอมือถือ
  • การบริการให้ความช่วยเหลือ ตลอด 24 ชม. ผ่านแชทสด

ข้อจำกัดของ SITE123

  • ไม่สามารถปรับแก้แบบลากวางอย่างที่คุ้นเคย
  • เทมเพลตรูปแบบใกล้เคียงกันจนอาจขาดเอกลักษณ์ที่น่าจดจำได้
  • ใช้พื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ในเวอร์ชันฟรี

9. Jimdo

Jimdo ก่อตั้งในปี 2007 โดย Matthias Henze และ Fridtjof Detzner จากประเทศเยอรมัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 25 ล้านคนทั่วโลก

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Jimdo

ภาพรวมของ Jimdo

  • ภาพลักษณ์ เรียบง่าย สบายตา มีชีวิตชีวา ทันสมัย
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น ธุรกิจที่ต้องการ Landing Page หรือธุรกิจ SME ที่มีหน้าร้านค้าปลีก ต้องการเพิ่มช่องทางขายออนไลน์
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $9 ต่อเดือน

จุดเด่นของ Jimdo

  • No commission ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขาย
  • Jimdo Dolphin เครื่องมือ ADI สร้างเว็บไซต์ด้วย AI อัตโนมัติผ่านกระบวนการตอบคำถาม
  • Jimdo Creator เครื่องมือช่วยออกแบบเว็บไซต์มีตัวเลือกให้ปรับแต่งเยอะ และสามารถปรับแต่งมุมมองการแสดงผลบนมือถือได้
  • Jimdo GDPR ฟีเจอร์แจ้งข้อกำหนด เงื่อนไข และนโยบายความเป็นส่วนตัว ระบุข้อตกลงทางกฎหมาย

ข้อจำกัดของ Jimdo

  • การคำนวณราคาจัดส่งและภาษีเหมาะสำหรับร้านค้าในแถบยุโรป
  • ไม่สามารถติดแท็ก Alt text ในรูปภาพได้ จึงอาจส่งผลต่อการทำ SEO

10. Strikingly

Strikingly ก่อตั้งในปี 2012 โดย David Chen และ Bowen Zhou จากประเทศจีน มีผู้ใช้งานมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก

ทำเว็บไซต์ฟรีด้วย Strikingly

ภาพรวมของ Strikingly

  • ภาพลักษณ์ เรียบง่าย มีสีสัน
  • เหมาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น Blogger หรือผู้ต้องการเว็บไซต์หน้าเดียว โครงสร้างไม่ซับซ้อน เพื่อจัดทำ Portfolio หรือ Landing Page สำหรับติดต่อธุรกิจ และมีสินค้าขายออนไลน์จำนวนน้อย
  • ราคา ฟรี หรือเริ่มต้น $12 ต่อเดือน

จุดเด่นของ Strikingly

  • Auto Save บันทึกทุกการปรับแต่งให้อัตโนมัติ ดูผลลัพธ์ได้รวดเร็ว
  • Pop-up Ad. แสดงโฆษณาหรือประกาศแจ้งเตือนที่หน้าแรกของเว็บไซต์
  • Social Feed แทรกโพสต์จากสื่อโซเชียลของคุณลงบนหน้าเว็บไซต์ได้
  • Excellent Uptime สถานะเว็บไซต์แสดงผลออนไลน์ตลอดเวลา
  • Mobile-friendly สามารถปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะกับการใช้งานผ่านมือถือ และเข้าระบบหลังบ้านผ่านแอปพลิเคชันมือถือทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ได้

ข้อจำกัดของ Strikingly

  • เว็บไซต์ฟรีไม่สามารถใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองได้
  • ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและองค์ประกอบหน้าเว็บได้น้อย
  • เว็บไซต์ฟรีจำกัดจำนวนหน้าเพียง 5 หน้า ให้พื้นที่จัดเก็บ 500 MB
  • เปิดขายของออนไลน์ได้เพียง 1 ผลิตภัณฑ์ และมีค่าธรรมเนียมการขาย 5% จากราคาสินค้า
  • ขาดเครื่องมือสำหรับทำ SEO

เปรียบเทียบคะแนนรีวิวโปรแกรมสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี

เปรียบเทียบคะแนนรีวิว 2024 แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ฟรี จาก 5 สำนัก
Website Builder Cotactic Media Forbes Advisor PCMag TechRadar Website Builder Expert
Full Score 5.0 5.0 5.0 5.0 5.0
GoDaddy 3.5 4.4 4.0 4.0 4.4
Wix 4 4.0 4.5 4.5 4.9
Mailchimp 3 4.8 4.5 4.5 4.5
Weebly 3 4.4 3.5 3.0 3.5
WordPress 5 3.9 3.5 3.5 3.7
Webflow 4.5 3.7 4.5 3.4
Ucraft 3.8 3.0 4.5
SITE123 3.6 3.0 2.8
Jimdo 3.5 3.0 3.5 3.6
Strikingly 3.3 3.5 3.5 3.4

 

 

 

หวังว่าทั้งหมดนี้ จะพอช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโปรแกรมสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ที่เหมาะกับธุรกิจและงบประมาณของคุณได้จากข้อมูลเปรียบเทียบเหล่านี้

สำหรับ Cotactic Media ในฐานะ Digital Marketing Agency เรามีเกณฑ์ให้คะแนนโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีโดยอิงจากประสบการณ์ของทีม Web Developer ของเรา ที่สร้างเว็บไซต์องค์กร พร้อมทำ SEO จนธุรกิจมีชื่อติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google Search Engine ค่ะ/ครับ

สนใจปรึกษา Cotactic

Digital Marketing Agency ประสบการณ์ออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจกว่า 8 ปี ที่พร้อมจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมวางแผนงานการตลาดดิจิทัลให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ปลดล็อกศักยภาพแบรนด์ของคุณอย่างเข้าใจวัตถุประสงค์เบื้องลึก ช่วยคุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจขึ้นไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีการตลาดดิจิทัลและกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ใช่ พร้อมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จะคอยสนับสนุนงานสื่อสารการตลาดออนไลน์ ให้คุณประหยัดเวลาและทรัพยากรภายในของคุณ เพิ่มผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อทุกการลงทุนในโฆษณาออนไลน์

ติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรีจาก COTACTIC ได้ก่อนตัดสินใจรับบริการ เพียงกรอกข้อมูลเพื่อให้เรารับทราบโจทย์ที่ท้าทายของคุณเบื้องต้น คลิกที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 065 095 9544

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก:

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับ Shopify พร้อมข้อดีข้อเสียที่ควรรู้

Shopify คืออะไร? อยากขายของออนไลน์ต้องรู้จัก

User Experience (UX) คืออะไร ทำไมถึงต้องให้มืออาชีพช่วยออกแบบ

User Experience คืออะไร ทำไมต้องให้มืออาชีพออกแบบ

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้