พื้นฐานเบื้องต้นของการทำ SEO ที่ทุกคนควรรู้!
SEO คือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่หลายบริษัท หลายแบรนด์ในประเทศไทยและทั่วโลกต่างใช้ เพื่อให้ Website แบรนด์ของคุณอยู่อันดับที่ดีของ Search Engine แต่ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่เริ่มทำ SEO วันนี้ก็สามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญรับทำ SEO หรือทำ SEO ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ วันนี้ Cotactic Media ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress ของเราจะมาแชร์ทริค 8 Check List พื้นฐานการทำ SEO ที่ใครก็สามารถทำได้
1. ติดตั้ง Google Analytic & Google Search Console
-
Google Analytic
เป็นเครื่องมือที่คอยเก็บข้อมูลใน Website ของคุณ เช่น ข้อมูลของผู้เข้าเยี่ยมชม Website พฤติกรรมการใช้ Web Site เวลาที่ใช้ใน Website เพื่อนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงส่วน SEO
-
Google Search Console
เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยดูแล Website ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงจำนวนคนเข้า Website ด้วย Keyword ตัวไหน, ตรวจสอบสถานะข้อผิดพลาดของ Website, ทำการรวบรวม Backlink ที่เข้ามาใน Website มีจำนวนเท่าไหร่แล้วมาจากที่ไหนบ้าง และ Google Search Console ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูลใน Website คุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยในการจัด Ranking บน Google Search
2. Keyword Research
Keyword Research หรือก็คือการวิเคราะห์ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ หรือเป็น Keyword ที่ต้องการให้ลูกค้าค้นหาคำนี้และเจอ Website ธุรกิจของคุณอยู่หน้าแรกของการ Search ทั้งนี้การเลือก Keyword คุณสามารถใช้เครื่องมือ Keyword Planner ในการ Research ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีเครื่องมือนี้ คุณสามารถใช้ช่อง Search ของ Google ในการเลือก Keyword ที่คุณต้องการได้
โดยการเลือก Keyword สำหรับการทำ SEO ควรเลือก Keyword ที่มีความหลากหลายทั้งเป็น Keyword ตรงๆ อย่างเช่น Keyword คำว่า “รองเท้า” ซึ่งจะเป็นคำหลักและเป็นคำกว้างๆของธุรกิจของคุณ
รวมถึง Long Tail Keyword ที่จะยาวขึ้นจากเดิม มีการขยายความของ Keyword หลัก อย่างเช่นคำว่า “รองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิง” หรือ “รองเท้าผ้าใบสีขาว” เป็นต้น
Question Keyword ที่จะเป็น Keyword แบบคำถามอย่างเช่น “รองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิงแบบไหนดี” หรือ “รองเท้าผ้าใบสีขาวยี่ห้อไหนดี”
รองเท้า>>>รองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิง>>รองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิงแบบไหนดี
3. Title & Meta Description
- Title
Title Tag เป็นส่วนประกอบของ HTML ที่เป็นส่วนระบุว่าเนื้อหาของหน้า Website (Web Page Content) ซึ่งการตั้งชื่อ Title Tag ที่ดีต่อการทำ SEO ก็คือการนำ Keyword หลัก 1 Keyword ที่ต้องการใส่เข้าไปใน Title Tag ควรอยู่ในจำนวน 50–60 Characters และควรเป็นข้อความที่สั้น กระชับ
- Meta Description
เป็นส่วนของ HTML ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นรูปแบบ ที่มีหน้าที่อธิบายเนื้อหาแบบย่อ การเขียนเนื้อหา Meta Description ที่ดีต่อการทำ SEO ก็คล้ายกับการเขียน Title คือการใส่ 1 Keyword ที่คุณจะทำ SEO ลงในคำอธิบาย จำนวนของ Meta Description ควรอยู่ในจำนวนประมาณ 155-160 Characters
4. Heading
Heading หรือหัวเรื่อง ซึ่งในการทำ Heading ของ SEO จะมีทั้ง H1, H2, H3, H4, H5, H6 โดย H1 คือหัวข้อหลักของหน้า URL ส่วน H2 ก็คือหัวข้อรอง H3 คือหัวข้อย่อย ส่วน H4, H5, H6 จะเป็นหัวข้อย่อยลงมาอีก ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่
ทั้งนี้การเขียน Heading ต่างๆ ควรจะมี Keyword ที่คุณต้องการทำ SEO อยู่ด้วย แต่ก็ควรเป็น Keyword ที่มีความหลากหลาย ควรผสมทั้ง Long Tail Keyword เข้าไปด้วย เพื่อความเป็นธรรมชาติ
รองเท้าผ้าใบผู้หญิง <heading 1>
รองเท้าผ้าใบผู้หญิง <heading 2>
Classy รองเท้าผ้าใบผู้หญิงแฟชั่น สีขาว <heading 3>
Ease รองเท้าผ้าใบผู้หญิง รุ่น Revolution 2 MSL <heading 3>
5. Internal Link & External Link
คือ การใส่ Link ภายใน Website ของคุณ ซึ่งตำแหน่ง Internal Link ที่มีผลต่อการทำ SEO มากที่สุด คือ ตำแหน่งของเนื้อหา หรือส่วนของ Content ทั้งนี้การใส่ Internal Link เราสามารถเชื่อมโยง Link หน้าอื่นๆของ Website ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง และควรใส่ที่ Keyword หลักของ Link หน้านั้นๆ เมื่อ Search Engine ทำการ Crawling Website จะมองว่า Website ของคุณมีเนื้อหาในทิศทางเดียวกัน มีการทำโครงสร้าง Link ภายใน Website ที่เป็นระบบและชัดเจน ซึ่งเป็นข้อดีในการทำ SEO ในเรื่องโครงสร้าง Link ตัวอย่าง Internal Link
จาก Link ข้างต้นเป็น Link จาก Website ของ Cotactic ซึ่ง Link แบบนี้คือ Internal Link
คือ การใส่ Link ไปยัง Website อื่นที่ไม่ใช่ Website Domain ของคุณ ซึ่ง External Link นี่จะอยู่ในหน้า Website ของคุณ จะเป็นรูปแบบคล้ายๆกับ Reference Link ที่สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อื่นนั่นเอง แนะนำว่าควรเลือก Website ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และควรเป็น Website ที่มีคุณภาพ หรือเป็น Website ที่มีค่าเว็บสูง และห้ามใส่ Link ที่ไป Website คู่แข่งอย่างเด็ดขาด! เพราะจะเป็นการเพิ่มคะแนน SEO ให้คู่แข่งแทน ตัวอย่าง External Link
จาก Link ข้างต้นเป็น Link ที่ไม่ได้มาจาก Website Cotactic แต่เป็น Link ที่ให้ข้อมูลเรื่อง External Link จาก moz
ซึ่งเป็น Website ออกแบบเครื่องมือ SEO ที่คนทั่วโลกรู้จัก
6. Image
การทำ SEO รูปภาพ คือการทำให้รูปของ Website ปรากฎบนหน้า 1 ของ Google หรือก็คือ Google Image Search ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชม Website ของคุณ ซึ่งสถิติจาก mdgadvertising พบว่า 60% ของลูกค้า จะติดต่อกับร้านค้าที่มีสินค้าปรากฎบนการค้นหา และ 67% จะตัดสินใจซื้อ ถ้ารูปดูน่าดึงดูด โดยการทำ SEO รูปภาพ แนะนำให้คุณตั้งชื่อรูปภาพเป็น Keyword และใส่ Code Alt image ใน HTML
รองเท้าผ้าใบผู้หญิงแบบผูกเชือกรุ่น 9108 คุ้มค่าเกินราคา พร้อมส่ง รับสินค้าเร็วมาก
7. SEO Content
ไม่ว่า URL หน้านั้นจะเป็นหน้าขายสินค้า แนะนำตัวสินค้า หรือจะเป็นส่วน Content หากคุณต้องการทำ SEO คุณควรมี SEO Content ซึ่ง SEO Content ไม่ต่างจาก Content Marketing หรือบทความทั่วไป อยู่ที่ว่า Target ของ Content นี้คือใคร
เพียงแค่ SEO Content จะต้องมี Keyword อยู่ในบทความ ซึ่งกระจายอยู่ทั้งใน Title, Description, Heading, Alt image และส่วนอื่นๆ ทั้งนี้การมี SEO Content จะเป็นทั้งผลดีต่อผู้ค้นหาที่ต้องการอ่านบทความ และผลดีต่อ Website ของคุณ เพราะ Search Engine จะมองว่า Content มีคุณภาพ มีคนเข้ามาอ่าน ทำให้ Traffic ของ Website มีการเคลื่อนไหว และทาง Search Engine จะจัดอันดับให้ Website ของคุณ
บทความที่เกี่ยวข้อง: แชร์เทคนิค! เขียนบทความ SEO อย่างไร ให้เว็บไซต์ติดอันดับ
8. Backlink
Backlink ถือเป็นวิธีทำ SEO แบบ Off-Page คือการทำให้มี Link จาก Website อื่น เข้ามายัง Website ของเรา ทั้งนี้การทำ Backlink ที่ดี ควรทำ Backlink จาก Website ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ควรทำ Backlink จาก Domain ที่ต่างกัน และควรมีค่า Domain Authority สูง (สามารถเช็กได้ที่นี่)
ไม่ควรทำ Backlink มากเกินไป เพราะ Search Engine จะมองเป็น Spam และไม่ควรทำ Backlink จากเว็บผิดกฎหมาย เพราะจะทำให้ลำดับของคุณตกลงมา หรือถ้าร้ายแรงถึงขั้น Search Engine แบน Website คุณ ดังนั้นการทำ Backlink ควรทำให้ธรรมชาติมากที่สุด การจัดลำดับ SEO ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง