นับตั้งแต่ Mark Zuckerberg เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม ออกมาประกาศถึงแผนการพัฒนา Metaverse โลกจำลองบนความเป็นจริงเสมือน ที่จะเปิดให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อพบปะสังสรรค์กันได้อย่างอิสระ ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก เพราะเทคโนโลยีนี้ถูกยกให้เป็นไอเดียที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ เหมือนกับที่อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนทำไว้เมื่อหลายปีก่อน
วันนี้ Cotactic จึงอยากพาเจ้าของธุรกิจทุกท่าน มาวิเคราะห์ พฤติกรรม ของผู้บริโภคในยุค Metaverse กันครับ ว่าจะมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดได้บ้าง
1.ผู้บริโภคจะคิดว่าโลกเสมือนบน Metaverse ก็คือความเป็นจริงในอีกรูปแบบ
ผู้บริโภคส่วนมากที่ใช้งาน Metaverse จะมีความรู้สึกว่าโลกจำลองบนความเป็นจริงเสมือนนั้น คือความเป็นจริงในอีกรูปแบบ เป็นโลกใบที่สองที่เราสามารถสร้างชีวิต สร้างตัวตน หรือสร้างอาชีพขึ้นมาใหม่ได้อย่างอิสระ ส่งผลให้เกิดค่านิยมที่ให้ความสำคัญกับโลกเสมือนเทียบเท่ากับความเป็นจริงทุกประการ ดังนั้นภาคธุรกิจจึงต้องรีบปรับตัว เพราะการมีหน้าร้านและการทำการตลาดบนโลกออนไลน์จะกลายเป็น “สิ่งจำเป็น” ที่ขาดไม่ได้อีกต่อไป ทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่อจากนี้ จำเป็นต้องมีพื้นที่ของตัวเองบน Metaverse หรืออย่างน้อยก็บนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้ในหลากหลายช่องทาง
อีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้บริโภคบางส่วนหันไปใช้ชีวิตอีกด้านบน Metaverse กันมากขึ้น ก็มาจากการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นจริงบนโลกเรา ยกตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ เลยก็คือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เกิดเป็นการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเบาบางลงไปบ้างแล้ว แต่พฤติกรรมและความเคยชินบางอย่างของผู้คนในสังคมก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ผู้บริโภคเริ่มมองสภาพแวดล้อมในสังคมจริงว่าไม่ปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อน เกิดความไม่มั่นคง ไม่มีความน่าอยู่อีกต่อไป อีกทั้งภาวะเครียด หดหู่ ซึมเศร้า และเบื่อหน่ายกับความเป็นไปที่ไม่อาจควบคุมได้ จึงหันไปใช้งานโลกเสมือนบน Metaverse ที่สามารถสร้างทุกอย่างได้ตามใจต้องการ เป็นอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากเป็น
ผู้ประกอบการจึงต้องรีบทำความเข้าใจในพฤติกรรมตรงจุดนี้ เพื่อที่จะได้พาธุรกิจของตัวเองไปอยู่ในพื้นที่หรือช่องทางที่ถูกต้อง ซึ่งหากตัวแบรนด์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตได้อย่างถูกจุด มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะหาลูกค้าใหม่ได้ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนไปพร้อม ๆ กัน
2.ผู้บริโภคจะนิยมซื้อขาย “สินค้า” เสมือนจริงกันมากขึ้นในยุค Metaverse
การซื้อขายสินค้าในรูปแบบไฟล์หรือสิ่งที่จับต้องไม่ได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ไม่จะเป็น Item ในวิดีโอเกม, สินทรัพย์ NFT หรือ กระแส Cryptocurrencies ต่าง ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงมุมมองการซื้อขายของออนไลน์ให้มีมิติการทำงานขึ้นไปอีกระดับ และเมื่อ Metaverse มาถึง กิจกรรมการซื้อขายสินค้าเสมือนจริงนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด แม้ว่าสินค้านั้นจะไม่สามารถสัมผัสหรือนำมาใช้งานบนโลกจริงได้ก็ตาม ซึ่งมันก็สืบเนื่องมาจากค่านิยมที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าโลก Metaverse ก็คือโลกใบที่สองที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถใช้เงินซื้อสินค้าหรือบริการบนโลกเสมือนได้อย่างสะดวกใจ โดยไม่สนว่าสินค้านั้นจะคืออะไรและมีประโยชน์มากแค่ไหนก็ตาม
ค่านิยมนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ เพราะทุกแบรนด์จะมีช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการแข่งขันผลิตสินค้าจำลองป้อนเข้าสู่โลกเสมือนจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น
- เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย การใช้งานอวตารใน Metaverse จะกลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ผู้บริโภคทุกคนจะสามารถมีและสร้างได้ การตกแต่งอวตารเหล่านั้นให้ดูส่วนงามให้ดูทันสมัยอยู่เสมอจึงกลายเป็นเทรนด์ที่ต้องมาคู่กัน บรรดาแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่าง ๆ จึงใช้ช่องทางนี้ผลิตสินค้าเสมือนจริงเพื่อให้ผู้บริโภคหาซื้อมาประดับอวาตาร
- เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านเสมือนจริง ในโลกเสมือนของ Metaverse ผู้ใช้งานสามารถสร้างพื้นที่เฉพาะของตัวเองขึ้นไม่ว่าจะเป็นห้อง บ้าน ร้านค้า หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งสินค้าจำลองอย่างเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านจากแบรนด์ดังต่าง ๆ จะถูกผลิตและนำมาวางขายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในจุดนี้
- ลูกเล่นและเอฟเฟคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพพื้นหลัง บรรยากาศจำลอง เสียงเพลง เสียงประกอบ หรือลูกเล่นต่าง ๆ มากมายที่ถูกนำมาใช้งานบนโลกเสมือน สินค้าเหล่านี้จะได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการในตลาดมากเป็นพิเศษ
- เพลง ภาพยนตร์ หรือ กิจกรรมเพื่อความบันเทิง การมาถึงของ Metaverse จะยกระดับการทำกิจกรรมบนโลกออนไลน์ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ เพลง ภาพยนตร์ และกิจกรรมอื่น ๆ จะกลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่า ต้องเสียเงินเพื่อซื้อหรือเข้าร่วม
3.E-Commerce คือที่สุด! ผู้บริโภคทุกคนจะซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
การที่ผู้บริโภคหันมาใช้งานและอยู่บนโลกเสมือนกันมากขึ้น ก็จะทำให้พวกเขามี พฤติกรรม ชอบอยู่ติดบ้านมากกว่าในปัจจุบัน จากจุดนี้เองเราจึงพอคาดเดาได้ว่า การซื้อขายของออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce และบรรดาแอปฯสั่งอาหารเดลิเวอรี่ จะกลายเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคพึ่งพามากที่สุด เพราะการออกไปซื้อของนอกบ้านด้วยตัวเอง จะเป็นกิจกรรมที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาอีกต่อไป ดังนั้นการที่ตัวธุรกิจมีหน้าร้านอยู่บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ในทุกช่องทาง มันก็จะช่วยให้ผู้บริโภคค้นหาและสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้นกว่าเดิม
โดยสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคออกจากบ้านกันน้อยลงนั้น นอกจากตัวของ Metaverse แล้ว มันยังมีผลสืบเนื่องมาจากความเคยชินหลังการเว้นระยะห่างและการกักตัว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ถึงแม้ว่าในอนาคตวิกฤติทั้งหมดจะผ่านพ้นไป แต่ผู้คนบางส่วนในสังคมก็ยังรู้สึกคุ้นเคยและชินกับการใช้ชีวิตแบบ New Normal มากกว่า จึงทำให้พฤติกรรมส่วนใหญ่ที่พวกเขามีในช่วงเวลานี้จะยังคงอยู่และดำเนินต่อไปจนกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต
ต้องการศึกษาเทคนิคหาลูกค้าผ่าน E-Commerce เพิ่มเติม อ่านต่อ ที่นี่ ครับ
4.ผู้บริโภคจะขาดโซเชียลมีเดียไม่ได้อีกต่อไป
อย่างที่ทราบกันดีว่าบทบาทของโซเชียลมีเดียในปัจจุบันนั้น มีอิทธิพลและมีความสำคัญต่อชีวิตเรามากขนาดไหน เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นและแชร์เรื่องราวส่วนตัวต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นช่องทางในการอัปเดตข่าวสาร เทรนด์ และกระแสนิยมมากมาย ที่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างอิสระ จึงทำให้ในอนาคตเมื่อยุคของ Metaverse มาถึง โซเชียลมีเดียจะยกระดับตัวเองจนกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่คอยขับเคลื่อนสังคมและวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า
ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเทคโนโลยีโลกเสมือนของ Metaverse จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาและปรับตัว เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทุกธุรกิจที่มีหน้าร้านออนไลน์หรือช่องทางบนโซเชียลมีเดีย จึงต้องคอยติดตามข่าวสารเพื่ออัปเดตข้อมูลการพัฒนาอยู่เสมอ โดยแพลตฟอร์มที่มีความมั่นคงสูงและมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากนักก็มีอยู่ด้วยกันดังนี้
- Facebook เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่ในเครือของ Meta ก็มีความเป็นไปได้ว่าตัว Facebook จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตรงมากนัก อาจมีช่องทางการใช้งานเพิ่มขึ้นบน Metaverse แต่ผู้ที่ใช้งาน Facebook ก็จะไม่ได้รับผลกระทบหนักเหมือนช่องทางอื่น ๆ จึงทำให้รูปแบบการใช้งานในอนาคตดูไม่แตกต่างไปจากปัจจุบันสักเท่าไหร่
- Youtube ด้วยความที่เป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคลิปวิดีโอ Youtube อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย เป้าหมายก็เพื่อสร้างช่องทางการใช้งานที่เหมาะสมให้เข้ากับเทคโนโลยีโลกเสมือน แต่โดยรวมหัวใจสำคัญหรือแก่นหลักที่ Youtube เป็น ก็จะยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย
- Line ด้วยความที่ตัวแอปฯถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการสื่อสารด้วยข้อความและวิดีโอคอลผ่านโทรศัพท์มือถือ การมาถึงของ Metaverse อาจจะไม่ได้กระทบกับตัว Line มากเท่าไหร่นัก เพราะมีเป้าหมายการใช้งานที่ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ผู้พัฒนาอาจจะเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างเพื่อให้ตัวแอปฯสามารถทำงานบนโลกเสมือนได้อย่างเหมาะสม (เหมือนกับโปรแกรม Line ที่อยู่บนระบบ Window)
หากธุรกิจคุณต้องการที่ปรึกษา ต้องการทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้แก่ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress และการตลาดออนไลน์ได้เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: https://m.me/cotactic
Line@: https://bit.ly/cotactic
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.brandbuffet.in.th/2022/01/consumer-trends-2022-by-enviro-thailand/
**เนื้อหาบางส่วนมาจากการวิเคราะห์และคาดเดา อาจมีความคลาดเคลื่อนและผิดพลาดบางประการ ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ**