สำหรับคนที่เริ่มทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ หรือเอเจนซี่ที่รับทำ SEO คงไม่มีใครไม่รู้จัก WordPress โปรแกรมสำเร็จรูปที่ Support ตั้งแต่การเขียนเนื้อหา การกำหนดธีม ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ อย่างไรก็ดี เพื่อให้ WordPress ทำงานได้สมบูรณ์ขึ้นจากคำแนะนำของบริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress เว็บไซต์จำเป็นต้องมีการติดตั้งส่วนเสริม หรือ ปลั๊กอิน (Plugin) เข้าไปด้วย และหนึ่งในปลั๊กอินที่ใช้งานง่ายและได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้ มีชื่อว่า Yoast SEO
Yoast SEO คืออะไร?
Yoast SEO คือ ปลั๊กอินที่มีให้ใช้งานเฉพาะในโปรแกรม WordPress ทำหน้าที่ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้ไต่อันดับสูงขึ้นได้บน Search Engine ด้วยการช่วย Optimize SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทั้งในส่วนของ Keyword, Meta Description, รูปภาพ, Internal Links, External Links พร้อมแนะนำแนวทางแก้ไขให้ทันที ทั้งนี้ Yoast SEO รองรับทั้งการใช้งานแบบ Free Account และแบบ Premium ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Plugin Yoast SEO ทำงานอย่างไร ?
หากคุณอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Search Engine คุณจำเป็นต้อง Optimize เนื้อหาและโครงสร้างภายในเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลักการทำ SEO โดยใน WordPress ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์คือ Pages (หน้า) และ Post (เรื่อง) ซึ่ง Yoast SEO จะเข้าไปช่วย Optimize ทั้งสองส่วนในลักษณะดังนี้
1. ตรวจเช็กและปรับแต่ง Keyword
Yoast SEO พิจารณาจากเนื้อหาโดยรวม และช่วยคุณวิเคราะห์ว่า Keyword ที่คุณเลือกมีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่ หรือหากต้องใส่ Keyword เพิ่มเติม ควรใส่ไว้ตรงไหน เช่น ใน Title, Meta Description, Slug, หรือใส่เพิ่มในเนื้อหา เป็นต้น อย่างไรก็ดี หากคุณใส่ Keyword มากเกินไปหรือน้อยเกินไป Yoast SEO ก็จะแนะนำความหนาแน่น (Keyphrase Density) ที่เหมาะสมให้เช่นกัน
ดังที่ได้กล่าวไปในตอนต้น ความพิเศษของ Yoast SEO คือการวิเคราะห์และให้คำแนะนำ โดยเมื่อใส่ Keyword ที่ต้องการลงในช่อง Focus Keyphrase เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถอ่านผลวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Analysis Result ซึ่งจะระบุสิ่งที่ต้องแก้ไขเรียงเป็นข้อ ๆ เพื่อให้คุณแก้ไขตามคำแนะนำนั้น ๆ ได้ทันที
ทั้งนี้ ในกรณีที่คุณใช้งาน Free Account คุณจะสามารถกำหนด Keyword ในช่อง Focus Keyphrase ได้เพียง Keyword เดียว หากต้องการใส่ Keyword อื่น ๆ เพิ่มเติม ในช่อง Related Keyphrase ต้องอัปเกรดเป็น Premium Account เท่านั้น
2. ปรับแต่ง Title และ Meta Description
Title และ Description ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากสำหรับการทำ SEO โดยเฉพาะกับเอเจนซี่ที่รับทำ SEO โดยปลั๊กอิน Yoast SEO จะช่วยวิเคราะห์การตั้ง Title และ Meta Description ว่ามี Focus Keyphase วางอยู่อย่างเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งมีแถบสีแนะนำความยาวที่เหมาะสมให้อีกด้วย
3. ปรับการจัดวางเนื้อหาให้น่าอ่าน
ใน Yoast SEO จากมีฟีเจอร์ชื่อว่า Readability ทำหน้าที่ตรวจสอบ Pattern การจัดวางเนื้อหาว่า Friendly ต่อผู้อ่านมากน้อยแค่ไหน มีการใช้ Heading Tag หรือ H1-H6 ตามหลักการทำ SEO หรือไม่ โดยจะมีคำแนะนำให้แก้ไขระบุไว้ในช่อง Analysis Result เช่นเดิม
อย่างไรก็ดี ฟีเจอร์ Readability จะสามารถใช้การได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกับ 19 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาดัตช์ ภาษาเปอร์เซีย ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาอิตาเลียน ภาษาเช็ค ภาษารัสเซีย ภาษาโปลิช ภาษาสวีดิช ภาษาฮังกาเรียน ภาษาอินโดนีเซียน ภาษาอารบิก ภาษาฮีบรู ภาษาคาตาลัน ภาษาเตอร์กิช ภาษานอร์วีเจียน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาสโลวัก และภาษากรีก ดังนั้น Reability จึงอาจทำงานคลาดเคลื่อนสำหรับเนื้อหาภาษาไทยในบางครั้ง
4. วิเคราะห์ความสมบูรณ์ขององค์ประกอบอื่น ๆ
ไม่เพียงช่วยวิเคราะห์ Keyword และการจัดวางเท่านั้น Yoast SEO ยังช่วยตรวจสอบคุณภาพการทำ External Links (การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่น) และ Internal Links (การสร้างลิงก์ไปยังหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์ของตัวเอง) ว่าได้กระจายลงบนส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหาอย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง รวมถึงการตั้งชื่อรูปภาพ (Alt Text) ว่าถูกต้องตามหลักการทำ SEO หรือไม่ ใส่ Keyword ลงไปในชื่อรูปภาพแล้วหรือยัง
5. จำลองการแสดงผลเมื่ออยู่ในหน้า Google Search
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Yoast SEO คือ Google Preview ซึ่งจะจำลองให้คุณเห็นว่า เมื่ออยู่ในหน้า Google Search หน้าเว็บไซต์ของคุณจะแสดงผลอย่างไร โดยจำลองให้คุณดูทั้ง Desktop View และ Mobile View เพื่อให้คุณปรับแต่ง Title และ Description ให้มีความยาวพอดี Friendly กับผู้อ่าน และเหมาะสมแก่การทำ SEO มากที่สุด
วิธีการติดตั้ง Yoast SEO
1. ล็อกอินเข้าสู่ WordPress ระบบจะนำทางเข้าสู่หน้า Dashboard
2. คลิกที่ ปลั๊กอิน (Plugins) บริเวณแถบเมนูด้านซ้าย
3. Search ชื่อปลั๊กอิน Yoast SEO
4. คลิก Install Now
5. เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย คลิก Activate เพื่อเริ่มใช้งาน
ประโยชน์ของ Yoast SEO – ปลั๊กอินที่เอเจนซี่รับทำ SEO ต้องรู้จัก
1. ช่วยปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลักการทำ SEO
การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์มีอยู่ด้วยกันหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น Title, Meta Description, Keyword, Slug, Alt Text, Link หรืออื่น ๆ ซึ่งแต่ละส่วนจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน Yoast SEO จึงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ช่วยตรวจเช็คความสมบูรณ์ของแต่ละส่วน ก่อนกด Publish หน้าเว็บไซต์
2. เพิ่มโอกาสในการติดอันดับแรก ๆ บน Search Engine
หน้าเว็บไซต์ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างสมบูรณ์ ย่อมมีโอกาสติดอันดับมากกว่าหน้าเว็บไซต์ที่ไม่มีการตรวจเช็ก ดังนั้น Yoast SEO จึงกลายเป็นปลั๊กอินยอดนิยมอันดับแรก ๆ สำหรับคนสร้างเว็บไซต์ผ่าน WordPress
3. ใช้งานง่าย สามารถใช้งานแบบ Free Account ได้
Yoast SEO ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายตั้งแต่การติดตั้ง กระทั่งการวิเคราะห์และการให้คำแนะนำเพื่อแก้ไข ก็ยังใช้จุดสีที่อ่านค่าได้ง่าย พร้อมทั้งคำแนะนำที่ชัดเจน ไม่กำกวม ที่สำคัญสามารถใช้งาน Yoast SEO แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ จึงเหมาะกับทั้งคนทำเว็บไซต์มือใหม่ และบริษัทรับทำเว็บไซต์มือฉมัง
โดยสรุปแล้ว Yoast SEO ถือเป็นปลั๊กอินยอดนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับคนทำเว็บไซต์ ที่ใช้งานง่าย และช่วย Support การทำ SEO ได้จริง อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดของปลั๊กอินนี้ คือจะรองรับเนื้อหาภาษาไทยได้ไม่ดีเท่าที่ควร คุณจึงอาจจะพบว่าบางครั้ง Yoast SEO ก็แนะนำให้เว้นวรรคคำแบบไม่ถูกต้องตามหลัก หรือมีคำแนะนำให้ใส่ Keyword เพิ่ม ทั้ง ๆ ที่มี Keyword ปรากฏอยู่ตรงส่วนนั้นแล้ว เป็นต้น ดังนั้น แนะนำให้พิจารณาคำแนะนำอย่างถี่ถ้วนก่อนแก้ไข และระวังเรื่องการพิมพ์เนื้อหาให้อ่านเข้าใจ ตามหลักการของภาษาไทย
——————————————————————–
หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–
ขอบคุณข้อมูลจาก: