“อยากรู้อะไรให้ถามอากู๋” คือประโยคที่แสดงให้เห็นว่า อากู๋ หรือ Search Engine ยอดนิยมอันดับ 1 ของโลกอย่าง Google สำคัญต่อการหาข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ มากแค่ไหน เพราะไม่ว่าเราอยากรู้คำตอบเรื่องอะไร การหาข้อมูลใน Google ก็จะเป็นสิ่งแรกที่เราเลือกทำเสมอ และเช่นเดียวกัน เมื่อต้องการมองหาสินค้าและบริการ เราก็จะค้นหาใน Google เพื่อเลือกสรรผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ และตอบโจทย์ความต้องการในขณะนั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงมีบริษัทที่รับทำ SEM หรือรับทำ Google Ads บน Search Engine เกิดขึ้นมาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรเรียนรู้ว่า Search Engine คืออะไร มีกี่ประเภท และการตลาดผ่านช่องทางนี้ต้องเริ่มต้นอย่างไร มาหาคำตอบได้ในบทความนี้!
Search Engine คืออะไร?
Search Engine คือ โปรแกรมที่อำนวยความสะดวกเรื่องการหาข้อมูล เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์คำ วลี หรือประโยค ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตนอยากรู้ Search Engine ก็จะแสดงผลออกมาเป็นเว็บไซต์ รูปภาพ หรือคลิปวีดิโอ นอกจากนี้ ยังมีระบบรวบรวมสถิติการค้นหา และวิเคราะห์ว่าข้อมูลใดเป็นที่นิยม เพื่อจัดลำดับการแสดงผลให้ตรงกับความต้องการในครั้งถัดไป
ประเภทของ Search Engine
ปัจจุบัน Search Engine สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ โดยแต่ละประเภทจะมีหลักการทำงาน และวิธีจัดอันดับคำค้นหาที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Crawler Based
Search Engine ประเภทนี้จะใช้โปรแกรมอัตโนมัติ (Bot) ทำหน้าที่เสมือนแมงมุมไต่ไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อสำรวจเนื้อหาของแต่ละเว็บไซต์ และรวบรวมข้อมูลมาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของตน จากนั้นทำดัชนีเว็บเพจ โดยวิเคราะห์ว่าข้อมูลทั้งหมดใช้ Keyword อะไรบ้าง และเว็บไซต์ใดตรงกับ Keyword ไหน ก่อนนำมาจัดอันดับการแสดงผลการค้นหาให้เหมาะสม ปัจจุบัน Search Engine ประเภทนี้ได้รับความนิยมที่สุดในโลก และมีใช้กันอย่างแพร่หลาย อาทิ Google, Baidu และ Bing เป็นต้น
2. Web Directory
การทำงานของ Search Engine ประเภทนี้จะซับซ้อนน้อยกว่า Crawler Based เนื่องจาก Web Directory จะทำเพียงเปิดโอกาสให้เจ้าของเว็บไซต์ใส่รายละเอียดของเว็บไซต์ไว้ในแพลตฟอร์ม เช่น ชื่อเว็บไซต์ และคำจำกัดความสั้น ๆ เมื่อมีผู้ใช้บริการพิมพ์คำค้นหา รายชื่อเว็บไซต์ที่ตรงกับคำค้นหานั้นจะปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้มีการใช้โปรแกรมพิเศษใด ๆ เพื่อวิเคราะห์และจัดอันดับการค้นหาข้อมูลเหมือน Crawler Based
3. Hybrid
ประเภทสุดท้าย คือ Search Engine แบบลูกผสม ที่ใช้ทั้งโปรแกรมอัตโนมัติ (Bot) ในการรวบรวมข้อมูล และการนำ Keyword ที่อยู่ในคำจำกัดความสั้น ๆ จาก Directory มาแสดงผลการค้นหา อย่างไรก็ตาม เมื่อการทำงานแบบ Web Directory ได้รับความนิยมน้อยลง การทำงานแบบ Hybrid ก็ลดลงตามไปด้วย
Search Engine ที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง?
แม้ Google จะเป็นตัวช่วยแรกที่คุณนึกถึงเมื่อต้องการหาข้อมูล แต่ Search Engine ไม่ได้มีแค่ Google เท่านั้น ยังมีโปรแกรมมากมายจากหลากหลายผู้ให้บริการ ซึ่ง Search Engine อื่น ๆ ที่ยังมีใช้กันในปัจจุบัน มีดังนี้
1. Bing
หัวใจของ Search Engine คือ ความสะดวกในการค้นหาข้อมูล ซึ่ง Bing โปรแกรมค้นหาจากค่าย Microsoft ก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีไม่แพ้ Google ความโดดเด่นของ Bing คือหน้า Interface ที่สวยงาม คมชัด และรองรับการค้นหารูปภาพได้ดีมากในทุกบราวเซอร์ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์สรุปข่าวประจำวันในหน้า Home อัปเดตแบบ Real-time อีกด้วย ปัจจุบัน Bing คือ Search Engine ยอดนิยมอันดับ 2 รองจาก Google อ้างอิงจากผลการสำรวจของ we are social เมื่อเดือนมกราคม 2022
2. Baidu
Search Engine สัญชาติจีน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2000 และได้รับความนิยมมากในจีนแผ่นดินใหญ่ บนหน้าการค้นหาของ Baidu จะเรียงลำดับผลการค้นหาในลักษณะทั่วไป แต่ความพิเศษของ Baidu คือการแสดง 10 อันดับการค้นหายอดนิยมอัปเดตแบบ Real-time
3. Yahoo
อดีต Search Engine ยอดนิยมในยุคแรก ๆ และผู้ให้บริการอีเมลที่หลายคนต้องเคยใช้ ปัจจุบัน Search Engine ค่ายนี้ยังคงเปิดให้บริการอยู่ และยังคงได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ความพิเศษของ Yahoo คือคุณสามารถเลือกชมผลการค้นหาตามเวลาที่เผยแพร่ไว้บนเว็บไซต์ได้ และมีสรุปข่าวประจำวันที่หน้า Home เช่นเดียวกับ Bing
4. DuckDuckGo
Search Engine น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2008 แม้จะมีระบบการค้นหาที่คล้ายคลึงกับ Search Engine เจ้าอื่น ๆ แต่มีจุดเด่นอยู่ที่การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy) เพราะใน DuckDuckGo จะมีการติดตั้งระบบ Tracking ข้อมูล ไม่มีการใช้ Cookie และไม่มี Retargeting Ads ที่อาจเป็นช่องว่างให้ข้อมูลของผู้ใช้งานรั่วไหลได้ ปัจจุบัน DuckDuckGo เริ่มได้รับความนิยม และกำลังถูกจับตามองในฐานะม้ามืดแห่งวงการ
Search Engine ทำงานอย่างไร?
การทำงานของ Search Engine ในปัจจุบัน จะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ซึ่งอ้างอิงจากขั้นตอนการทำงานของ Search Engine แบบ Crawler Based
1. Crawling
คือ การใช้โปรแกรมอัตโนมัติ (Bot) สำรวจเว็บไซต์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเว็บไซต์, Description, หน้าเว็บไซต์, รูปภาพ ฯลฯ ไว้ในฐานข้อมูลของตัวเอง
2. Indexing
เมื่อรวบรวมข้อมูลได้จำนวนหนึ่งแล้ว Search Engine จะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ จัดหมวดหมู่เนื้อหา โดยวิเคราะห์ว่า Keyword ทั้งหมดมีอะไรบ้าง และเว็บไซต์ไหนเหมาะสมจะแสดงผลคู่กับ Keyword ใด
3. Ranking
การทำงานขั้นสุดท้ายของ Search Engine คือการคำนวณว่าเว็บไซต์ใดตรงกับคำค้นหามากที่สุด โดยพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ คุณภาพของเนื้อหา, ภาษาที่ใช้, ตำแหน่งที่ตั้ง, ความเร็วในการแสดงผล, อุปกรณ์ (Device) แล้วจึงแสดงผลเรียงตามอันดับลงมา
การทำการตลาดบน Search Engine มีกี่แบบ?
เมื่อเราทราบแล้วว่า การทำงานของ Search Engine ในปัจจุบัน จะเน้นการรวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์จัดอันดับตามคุณภาพของเว็บไซต์ คำถามต่อมาก็คือ “เราจะปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตอบโจทย์ Search Engine ได้อย่างไร?” และนี่คือแนวคิดตั้งต้นของการตลาดบน Search Engine ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ SEO และ SEM
1. SEO
SEO คืออะไร? คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine โดยใช้วิธีทำ SEO ผ่านการเขียนบทความ เช่น การใส่ Keyword, การใช้ Meta Description, การจัดลำดับเนื้อหา การเลือกรูปภาพ ฯลฯ ซึ่งข้อดีของการทำ SEO คือไม่ต้องเสียค่าโฆษณาให้กับ Google แต่จะเห็นผลช้ากว่า และทำยอดขายได้ช้ากว่า SEM
2. SEM
SEM คืออะไร? คือ การจ่ายเงินเพื่อซื้อโฆษณาบน Search Engine ตามจำนวนครั้งที่มีคนคลิกชมโฆษณา ข้อดีของการทำ SEM คือสามารถตั้งค่าเพื่อระบุกลุ่มเป้าหมาย ช่วงเวลา และรูปแบบโฆษณาได้ค่อนข้างละเอียด รวมทั้งสามารถกำหนดขอบเขตงบประมาณที่ใช้ได้ แต่ข้อเสียคือ แม้จะเห็นผลเร็ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักไม่ยั่งยืน ต้องเติมเงินค่าโฆษณาอย่างสม่ำเสมอ อันดับบน Search Engine จึงจะคงที่
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างของ SEO และ SEM ได้ที่นี่
Search Engine มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร?
แม้จุดประสงค์ของการคิดค้นเสิร์ชเอนจิน คือ การตอบสนองต่อความสงสัย และการสร้างคลังความรู้ที่เป็นเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ ไม่ใช่เพื่อส่งเสริมเรื่องการค้าโดยตรง แต่เราก็สามารถใช้ Search Engine ให้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจได้ ด้วยการสร้างสรรค์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และออกแบบเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้แบบครบวงจร เนื้อหาที่เป็นประโยชน์จะช่วยเพิ่มคำแนนการจัดอันดับ ทำให้ผู้คนหาเราเจอผ่าน Search Engine และมองว่าธุรกิจของเรามีตัวตน น่าเชื่อถือ ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่น มีข้อมูลครบถ้วน, สามารถสั่งซื้อได้ทันที, มีระบบจัดเก็บข้อมูล ฯลฯ จะเป็นตัวสร้างความประทับใจ และเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของเรา
จากประโยชน์ข้างต้นเราสามารถสรุปได้ว่า Search Engine คือ เครื่องมือในการช่วยค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบและยังเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการและลูกค้าผ่านทางสื่อออนไลน์ โดยใช้เทคนิคการทำ SEO และ SEM เพื่อดันเว็บไซต์และธุรกิจของตนออกสู่สายตาของผู้คนให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
——————————————————————–
หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการรับทำเว็บไซต์ WordPress และการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–
ขอบคุณข้อมูลจาก: