click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

มาทำความรู้จักกับ ROAS หน่วยวัดประสิทธิภาพของการโฆษณา ช่วยให้เจ้าของธุรกิจ ผู้ลงโฆษณา นักการตลาดสามารถเปรียบเทียบคุณภาพเพื่อ เลือกแนวทางการทำโฆษณาบน Social Media หรือการโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

 

ROAS คืออะไร?

ROAS คือ การคำนวณค่าตอบแทนจากการจ่ายค่าโฆษณาออกมาเป็นตัวเลข โดยย่อมากจากคำเต็มว่า Return on Ad Spend หรือ Return on Advertising Spend ก็ได้ สามารถคำนวณต้นทุนและทราบถึงประสิทธิภาพการทำโพสต์โฆษณานั้น ๆ ออกมา

 

วิธีการคำนวณ ROAS

ROAS คือ การนำยอดขายที่ได้จากการทำโฆษณา / ค่าโฆษณาที่ที่นำมาลงทุน หากคำนวณออกมาแล้วสูงเป็นไปตามเป้าหมายถือว่า ROAS เป็นไปในทางที่ดี หาก ROAS ไม่สูงเท่าที่ควรผู้ลงโฆษณาควรเปลี่ยนกลยุทธ์การโฆษณาใหม่

ตัวอย่างการคำนวณ ROAS

ยอดขายที่ได้จากการทำโฆษณา = 450,000
ค่าโฆษณาที่ที่นำมาลงทุน = 70,000

ROAS ที่ได้คือ 450,000 / 30,000 = 6.42

 

ความแตกต่างของ ROAS กับ ROI

เมื่อพูดถึง ROAS ก็มักจะมีคำว่า ROI ตีคู่มาด้วยเสมอ แต่ถึงแม้คำจะใกล้เคียงกัน การคำนวณคล้าย ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้วใช้วัดผลต่างกัน

ROAS ย่อมาจาก Return on Advertising Spend คือ ตัวคำนวณผลตอบแทนจากการลงโฆษณา ซึ่งสามารถวัดผลได้ลงลึกถึงรูปแบบโฆษณาแต่ละตัวได้ ตัวอย่างเช่น ลงโฆษณาไป 3 ตัว แบ่งย่อยออกเป็น A, B, C

โฆษณา A ใช้เงินไป 15,000 บาท ได้ยอดขายกลับมา 50,000 บาท 

ROAS ของโฆษณา A คือ  50,000 / 15,000 = 3.33

โฆษณา B ใช้เงินไป 35,000 บาท ได้ยอดขายกลับมา 200,000 บาท 

ROAS ของโฆษณา B คือ  200,000 / 35,000 = 5.71

โฆษณา C ใช้เงินไป 20,000 บาท ได้ยอดขายกลับมา 200,000 บาท

ROAS ของโฆษณา C คือ  200,000 / 20,000 = 10

ถ้าพิจารณาจาก ROAS โฆษณา C คือ โฆษณาที่ดีที่สุด ควรพิจารณาเพิ่มงบ หรือทำโฆษณาตัวใหม่โดยอ้างอิงจากโฆษณา C

ต่างกับ ROI ย่อมาจาก Return on Invesment Spend คือ การวัดผลประสิทธิภาพของการลงทุนภาพรวมทั้งหมด โดยนำเอา (ยอดขายที่ได้ทั้งหมด – เงินลงทุน) / เงินลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ค่าโฆษณา หรือค่าจ้างบริษัท Digital Marketing Agency ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ลงโฆษณาไป 3 ตัว แบ่งย่อยออกเป็น A, B, C โดยทั้ง 3 ตัว ใช้ค่าโฆษณาไป 70,000 บาท และมีค่าจ้างบริษัทโฆษณาอีก 30,000 บาท โดยได้ยอดขายรวมทั้งหมด 450,000 ดังนั้น ROI ที่ได้คือ (450,000 – 100,000) / 100,000 = 3.5

อย่างไรก็ตามทั้งผู้ลงโฆษณา และเจ้าของธุรกิจควรทราบทั้ง ROAS และ ROI เพื่อการวัดผลโดยรวมทั้งหมดของการทำโฆษณา

 

ทำไม ROAS จึงสำคัญ ?

ROAS ไม่ได้ทำได้แค่คำนวณค่าตอบแทนการจ่ายค่าโฆษณา แต่ยังมีประโยชน์ด้านการเก็บข้อมูลต่างๆให้แก่ผู้ลงโฆษณา เพื่อนำมาพิจารณาต่อการทำโฆษณาในครั้งต่อไป สามารถช่วยกำหนดแนวทางการสร้างคอนเทนต์ของโพสต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของผู้ลงโพสต์ และเป็นตัวช่วยนักการตลาดได้อย่างหลายทิศทาง เราไปดูกันดีกว่าว่า ROAS มีประโยชน์ต่อผู้ลงโฆษณาด้านไหนบ้าง

  • ใช้ประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

อย่างที่เรารู้กัน ROAS คือ ตัวคำนวณค่าตอบแทนจากการจ่ายค่าโฆษณาออกมาเป็นตัวเลข นอกจากนี้ยังรวบรวมข้อมูลประสิทธิภาพของการทำโฆษณาแต่ละโพสต์ ผู้ทำโฆษณาจะสามารถนำโฆษณาแต่ละตัวนั้นมาเปรียบเทียบความสำเร็จและเลือกแนวทางการทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

  • จัดสรรงบการตลาดได้ดีขึ้น

เมื่อทราบผลประสิทธิภาพการทำโฆษณาแต่ละตัว ผู้ทำโฆษณาจะจัดการโพสต์โฆษณาที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดออก การจัดสรรงบประมาณด้านการตลาดจะมีประสิทธิภาพไปด้วย ไม่ลงทุนกับการทำโฆษณาที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ค่าตอบแทนที่น้อยกว่าที่คาดหวัง

  • ปรับปรุง/ต่อยอดกลยุทธ์การตลาด

เมื่อนำข้อมูลจาก ROAS มาพิจารณา ได้ทราบถึงคุณภาพของการทำโพสต์โฆษณา ผู้ลงโฆษณาได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงตัวโฆษณาที่โพสต์ให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายหรือต่อยอดเพื่อการทำโฆษณาให้ได้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ทราบทิศทางการสร้างคอนเทนต์ที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบและอยากดูโฆษณาหรือกิจกรรมของผู้ลงโพสต์

 

ROAS ที่ประสบความสำเร็จ เป็นแบบใด ?

ROAS ที่ประสบผลสำเร็จ คือ ROAS ที่เป็นไปตามเป้าหมายของผู้ลงโฆษณา ยิ่งยอดขายสูง มีผู้เข้าชมโฆษณาที่ลงจำนวนมาก ทำให้การลงทุนการทำโพสต์โฆษณาได้กำไรยิ่งเป็น ROAS ที่ดี หาก ROAS ที่ยอดขายไม่สูงมากนักผู้ลงโฆษณาควรปรับปรุงให้ไปในแนวทางที่ตรงตามกลุ่มเป้าหมายให้ดียิ่งกว่าเดิม

 

สรุปแล้ว ROAS คือ การวัดผลสำเร็จการทำโฆษณา เป็นตัวบอกแนวทางในการการโฆษณา สามารถนำโฆษณาแต่ละตัวมาเปรียบเทียบกัน เพื่อจัดสรรงบประมาณและการลงทุนให้มีความคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

หากคุณต้องการที่ปรึกษาการรับทำเว็บไซต์ WordPress หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

RMF Model

RFM Model คืออะไร? ทำไมการแบ่งกลุ่มลูกค้าถึงสำคัญ

Personal Branding

Personal Branding คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจ

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้