รู้หรือไม่ว่า นอกจากภาพถ่ายสินค้า ที่ต้องสวยงามและดึงดูดลูกค้าแล้ว Product Description หรือคำบรรยายสินค้า จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่เพิ่มยอดขายให้ร้านค้าออนไลน์ได้มากขึ้น หากเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มเปรียบเสมือนร้านค้าของเรา ภาพถ่ายสินค้าก็คงไม่ต่างจากสินค้าที่วางเรียงรายอยู่ในร้าน ให้ลูกค้าได้เลือกชมกัน เมื่อลูกค้าเริ่มสนใจสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งในร้านเรา คำบรรยายสินค้าก็คงเปรียบเสมือนพนักงานหน้าร้านคนหนึ่งที่ให้บริการลูกค้า เป็นตัวเชื่อมระหว่างธุรกิจและลูกค้าที่สนใจสินค้าหรือบริการของเรา เราอาจจะต้องมีการวางแผนวิธีการสื่อสาร ว่าต้องการสื่อสารกับใคร กลุ่มลูกค้าของเราอายุประมาณเท่าไหร่ เราควรใช้ระดับภาษาไหน ถึงจะเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งถ้าคิดง่ายๆ มันก็เหมือนกับการที่เราต้องการจะมอบประสบการณ์อะไรให้กับลูกค้า
วันนี้ Cotactic เราเป็น Digital Marketing Agency จะมาพูดถึงวิธีการเขียน Product Description ว่ามีหลักการเขียนที่ดีอย่างไร และจะสื่อสารออกมาแบบไหนถึงจะโดนใจกลุ่มลูกค้าของเราได้บ้าง
Product Description คืออะไร
Product Description หรือคำบรรยายสินค้า มีส่วนสำคัญในการช่วยตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นอย่างมาก ร้านค้าควรให้ข้อมูลที่ชัดเจน ครบถ้วน และน่าเชื่อถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ทันที โดยแทบจะไม่ต้องสอบถามจากแอดมินเพิ่มเติม รวมไปถึงข้อมูลที่ใส่อยู่บนสินค้าจะต้องสามารถค้นหาบน Google หรือบนแพลตฟอร์มได้โดยง่าย
แล้ว Product Description สำคัญอย่างไร
ข้อมูลจากบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยอย่าง emarketer แสดงข้อมูลด้านการตัดสินใจซื้อสินค้าไว้ว่า Product Description มีส่วนสำคัญลำดับที่สองในการตัดสินใจซื้อสินค้า รองลงมาจากรูปภาพ ดังนั้นการเขียนคำบรรยายสินค้าเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญในการขายสินค้าออนไลน์เลยก็ว่าได้ เพราะจะช่วยให้ผู้ซื้อเข้าใจรายละเอียดของสินค้ามากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อจากคุณสมบัติหรือข้อดีของสินค้านั้น ๆ
หลักการเขียน Product Description ที่ดี
แพลตฟอร์ม E-Marketplace ในปัจจุบัน มีสินค้าให้เลือกมากมาย เพียงแค่ค้นหาชื่อสินค้าที่เราต้องการแอปพลิเคชันก็สามารถแสดงผลสินค้าให้เลือกหลากหลายรายการ โดยในปีที่ผ่านมาแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้พัฒนาแอปพลิเคชันให้สามารถค้นหาด้วยรูปภาพได้แล้ว ทำให้การแข่งขันใน E-Marketplace ค่อนข้างสูง ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าโดยใช้ภาพถ่ายจากร้านใดร้านหนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบราคา ข้อมูลสินค้า ความน่าเชื่อถือ และเช็กสถานที่จัดส่งได้ทันที ลองมาดูกันว่า นอกจากภาพถ่ายสินค้าที่ต้องสวยงามและดึงดูดแล้ว การให้ข้อมูลสินค้าผ่าน Product Description ที่ดี มีหลักการเขียนยังไงบ้าง ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเขียน Product Description บน E-Marketplace อย่าง Shopee, Lazada หรือ TikTok เท่านั้น เราสามารถนำไปปรับใช้กับการเขียนบรรยายสินค้าบน Social Media หรือเว็บไซต์ของเราเองได้อีกด้วย
1. ทำความรู้จักกลุ่มลูกค้า
ลองจินตนาการว่าหากเราเป็นพนักงานขายคนหนึ่งในร้าน เราจะสื่อสารกับใคร และสื่อสารอย่างไร การสร้าง Persona ของลูกค้าที่ชัดเจน จะช่วยให้เราสามารถออกแบบภาษาที่ใช้ในการสื่อสารได้ว่า ควรใช้ระดับภาษาประมาณไหน กลุ่มลูกค้าอายุเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นเพศอะไร ระดับความรู้ที่เราควรใส่ลงบน Product Description ควรมีมากน้อยแค่ไหน หากเราวาง Persona ได้ชัดเจนแล้ว การทำงานแต่ละส่วนก็จะง่ายขึ้น ทั้งการสื่อสารผ่าน Product Description ไปจนถึงการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียอย่างการตอบคำถามลูกค้า
2. กำหนดภาพลักษณ์ของแบรนด์
เมื่อเรากำหนด Persona ของกลุ่มลูกค้าของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มกำหนด Mood & Tone ที่จะใช้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้า เช่น
- หากเราเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มวัยรุ่น อาจจะใช้การสื่อสารที่เป็นกันเอง เพื่อความเข้าถึงง่าย
- หากเราเป็นธุรกิจขายสินค้าลักซ์ชัวรีที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความหรูหรา มีระดับ อาจจะต้องสื่อสารด้วยภาษาแบบทางการ
3. มีคีย์เวิร์ดชัดเจน ค้นหาง่าย
การที่คุณจะเขียนคำบรรยายสินค้าได้นั้น นอกจากทักษะการเขียนข้อความโฆษณาได้แล้ว ควรคำนึงถึงหลัก SEO ร่วมด้วย เพราะยิ่งลูกค้าหาสินค้าของเราเจอจากคำบรรยายสินค้าได้มากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสในการเพิ่มลูกค้าที่จะเข้ามาเยี่ยมชมสินค้ามากขึ้นเท่านั้น และคำบรรยายสินค้าที่ดี ควรจะต้องพาลูกค้าไปหาสินค้าเจอ
เขียน Product Description ให้ทรงพลัง ด้วย FAB Techniques
เมื่อเราจับ 3 แกนหลักในการเขียน Product Description คร่าว ๆ กันแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้เราสามารถเขียนคำบรรยายสินค้าได้ตอบโจทย์ยิ่งขึ้น คือการใช้ FAB Techniques เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์จุดเด่นของสินค้าหรือบริการของเราผ่าน 3 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
Feature – คุณสมบัติ
ลิสต์คุณสมบัติของสินค้าของเราว่ามีคุณสมบัติอะไร สามารถทำอะไรได้บ้าง ต้องการนำเสนอสินค้าของเราในด้านไหนบ้าง หากสินค้าของคุณมีลักษณะจำเพาะอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สี ขนาด วัสดุ ฯลฯ ก็ควรระบุลงไปด้วย
ตัวอย่าง
- เสื้อเชิ้ตผ้าลินินเกรดพรีเมียม
- สร้อยสเตนเลสชุบด้วยทอง 14K Gold
Advantage – ข้อดี
ระบุข้อดีของสินค้าของเรา ที่แตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น มาประมาณ 3 ข้อ
ตัวอย่าง
- เสื้อเชิ้ตผลิตจากผ้าลินินเกรดพรีเมียม สัมผัสนุ่ม และยับยาก
- สร้อยสเตนเลส ชุบด้วยทองหนาพิเศษ ผิวแพ้ง่ายใส่ได้ ไม่ลอกไม่ดำ กันน้ำ 100%
Benefits – ประโยชน์
บอกประโยชน์จากคุณสมบัติและข้อดีของสินค้าที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการสรุปให้ลูกค้าเข้าใจว่าจะได้รับประโยชน์อะไรจากสินค้าชิ้นนี้
ตัวอย่าง
- เสื้อเชิ้ตผลิตจากผ้าลินินเกรดพรีเมียม ทำให้สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ยับยาก หมดกังวลเรื่องยับระหว่างวัน
- สร้อยสเตนเลส ชุบด้วยทอง 14k gold แบบหนาพิเศษ ผิวแพ้ง่ายสามารถใส่ได้ ไม่ลอกไม่ดำ สามารถใช้งานได้นาน ใส่ทำกิจกรรมได้ตลอดทั้งวัน
สรุป
Product Description คืออีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า ช่วยดึงดูดใจลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้รับ Customer Experience ที่ดี และเพิ่มโอกาสในการขาย การนำเทคนิคที่กล่าวข้างต้นไปปรับใช้กับสินค้าหรือบริการของคุณ จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของคุณเจอได้ง่ายขึ้น และสร้างยอดขายในระยะยาว
ต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้าน Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic