click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ปัจจุบันการทำธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแทรงแซงของเทคโนโลยี พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ตลอดจนคู่แข่งที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งคู่แข่งทางตรงที่นำเสนอสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกัน และคู่แข่งทางอ้อมที่เสนอทางเลือกอื่น ๆ ให้กับลูกค้า ซึ่งส่งผลต่อยอดขาย กำไร และส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจ ถือเป็นสิ่งธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้  อย่างไรก็ตาม การรับมือกับสถานการณ์นี้ จำเป็นต้องนำกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างการสร้าง Personal Branding เข้ามาสร้างภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ให้กับธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีความโด่ดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่งขัน

ในบทความนี้ Cotactic Media ขอพาทุกท่านมาไขความลับของ Personal Branding กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกที่เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสู่อนาคต ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเอาชนะคู่แข่ง สร้างฐานลูกค้า และบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Personal Branding คือ

What is Personal Branding

Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์บุคคล คืออะไร?  กลยุทธ์ทางการตลาดที่จะทำการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าว่าการสร้างแบรนด์บุคคลมีภาพลักษณ์ ตัวตน และเอกลักษณ์อย่างไร ผ่านการนำเสนอความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ จุดเด่น และไลฟ์สไตล์บนช่องทางต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ การร่วมงานอีเวนต์ เป็นต้น เพื่อสร้างการรับรู้ ดึงดูดความสนใจ และสร้างความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า โดยกุญแจสำคัญคือ ต้องเชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างธุรกิจกับลูกค้าให้ได้ สำหรับเป้าหมายของ Personal Branding นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างการรับรู้ แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น สร้างโอกาสทางธุรกิจ ดึงดูดพันธมิตร และต่อยอดความสำเร็จในด้านต่าง ๆ

ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในการสร้างแบรนด์บุคคลของ Elon Musk ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของบริษัท Tesla และ SpaceX มีภาพลักษณ์ในการเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนและเป็นนักนวัตกรรมที่กล้าท้าทายเทคโนโลยี ได้สร้าง Personal Branding ผ่านการใช้บัญชีเอกซ์ส่วนตัว เพื่อแชร์ความคิดเห็นและมุมมองในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ในฐานะผู้ที่ไม่กลัวที่จะเสี่ยง และมองหาความท้าทายใหม่ ๆ จนทำให้ได้ยอดผู้ติดตามกว่า 159 ล้านคน ภาพลักษณ์และตัวตนที่ชัดเจนนี้ ทำให้ลูกค้าและนักลงทุนมีความมั่นใจที่จะสนับสนุนและลงทุนในบริษัท ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการสร้างแบรนด์บุคคลถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถรักษาศักยภาพการแข่งขันทางการตลาด และช่วยให้ธุรกิจสร้างฐานและขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ให้แก่ธุรกิจได้

ความสำคัญของ Personal Branding

Why is Personal Branding important to your business?

การทำ Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ส่วนตัว เป็นการสร้างจุดเด่นและความแตกต่างให้กับธุรกิจ ซึ่งได้กลายกลยุทธ์สำคัญและธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้ธุรกิจได้ในหลายๆ ด้าน เช่น

1. สร้างความน่าเชื่อถือ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการสักชิ้นในปัจจุบัน กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เนื่องจากลูกค้าจะต้องเจอกับตัวเลือกที่หลากหลาย โปรโมชันที่ดึงดูดใจ ล้วนทำให้ลูกค้า “วอกแวกและเกิดความลังเล” ได้ง่าย ซึ่งการทำ Personal Branding จะสร้างโอกาสในการทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในธุรกิจ และเปลี่ยนสถานะจากลูกค้าขาจร กลายเป็นแฟนด้อม ผู้หลงใหล และภักดีต่อธุรกิจ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อคือ ธุรกิจจะต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มลูกค้า กำหนดจุดยืนของธุรกิจอย่างชัดเจนและสื่อสารอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง

2. เพิ่มยอดขาย

การทำ Personal Branding ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขาย และผลประโยชน์ทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากเมื่อลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและความภักดีกับทางธุรกิจ จะทำให้ธุรกิจมีความโดดเด่น และลูกค้าจะนึกถึงธุรกิจของคุณเป็นอันดับแรก ๆ  ซึ่งทำให้เกิดโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น ตลอดจนนำมาซึ่งรายได้ในระยะยาว

3. สร้างการรับรู้ธุรกิจ

กลยุทธ์การทำ Personal Branding มุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เปรียบเสมือนการสร้างตัวแทนธุรกิจที่น่าเชื่อถือ ดึงดูดความสนใจและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางการสื่อสาร เช่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมทางการตลาด เนื้อหาทางออนไลน์ เป็นต้น โดยที่ผลลัพธ์ปลายทางที่ได้คือ ธุรกิจสามารถสร้างการรับรู้และนำมาซึ่งการสร้างฐานลูกค้าในอนาคต

4. สร้างให้ธุรกิจมีตัวตน

พื้นฐานของกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญคือ การทำ Personal Branding เพื่อให้ธุรกิจมีตัวตนทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ เนื่องจากในปัจจุบันลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าเพียงเพราะคุณภาพสินค้า แต่เขาตัดสินใจซื้อสินค้าจากความน่าเชื่อถือ การรับรู้และการมีตัวตนของธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าธุรกิจทำกลยุทธ์นี้ได้อย่างประสบผลสำเร็จ

5. เพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางธุรกิจถึงขายสินค้าได้แพงกว่าหรือทำไมลูกค้าถึงจงรักภักดีต่อธุรกิจนั้น ๆ คำตอบส่วนหนึ่งมาจากการทำ Personal Branding ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ (Brand Value) นั่นเอง ซึ่งไม่ได้วัดจากตัวเลขทางบัญชีหรือรายได้เพียงอย่างเดียว แต่มูลค่าของธุรกิจสามารถวัดได้จากคุณค่าและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างธุรกิจกับลูกค้า โดยสิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจแตกต่างและมีความโดดเด่น ส่งผลให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีสร้าง Personal Branding ให้มีประสิทธิภาพ

How to create effective Personal Branding

หลายคนอาจเข้าใจว่า Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ส่วนตัว เป็นเรื่องยาก ซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เข้าใจและนำ 5 ปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้

1. กำหนดภาพลักษณ์เฉพาะตัว (Personal Brand)

Personal Brand

การกำหนดภาพลักษณ์เฉพาะตัว (Personal Brand) ธุรกิจจะต้องพิจารณาและดำเนินการผ่าน 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

  1. ค้นหาแก่นแท้ของคุณ ในด้านคุณค่า ค่านิยม บุคลิกภาพ ทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมทั้งตั้งคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่คุณหลงใหล? อะไรคือสิ่งที่คุณเก่งและทำไมผู้คนถึงควรฟังสิ่งที่คุณพูด ซึ่งคำตอบของคำถามเหล่านี้ จะทำให้ธุรกิจเริ่มเห็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของตัวเอง
  2. กำหนดเป้าหมาย ให้คุณตอบคำถามว่า “คุณต้องการบรรลุอะไรจาก Personal Branding?” เช่น ต้องการสร้างฐานผู้ติดตาม? ต้องการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ? ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะผู้เชี่ยวชาญ? การค้นหาเอกลักษณ์ ภาพลักษณ์ แก่นแท้ของตัวตนและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้สามารถวางแผนและพัฒนา รวมทั้งวัดผลการทำ Personal Branding ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ (Online Presence)

เมื่อคุณสามารถระบุตัวตนของคุณและวางเป้าหมายของการทำ Personal Branding เรียบร้อยแล้ว ลำดับถัดไปคุณจะต้องสร้างโปรไฟล์ โดยเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ และกลุ่มเป้าหมายของคุณบนโลกออนไลน์ เช่น

  • Facebook เหมาะสำหรับการแบ่งปันเรื่องราว บทความ วิดีโอ เชื่อมต่อกับเพื่อน ครอบครัว และกลุ่มชุมชน
  • Instagram เน้นภาพ วิดีโอ สตอรี่ เหมาะสำหรับการนำเสนอไลฟ์สไตล์ ผลงานและสร้างแรงบันดาลใจ
  • LinkedIn พื้นที่สำหรับมืออาชีพ สร้างโปรไฟล์ แสดงผลงาน ประสบการณ์ เชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญ
  • เว็บไซต์ พื้นที่ส่วนตัวของคุณบนโลกออนไลน์ ควบคุมเนื้อหา ออกแบบและนำเสนอตัวตนของคุณอย่างเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณควรทำควบคู่กันไปในขั้นตอนนี้คือ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย สำรวจดูว่าพวกเขาเป็นใคร? วัย อาชีพ ความสนใจ พฤติกรรมการออนไลน์ และพวกเขาหล่านั้นต้องการอะไร? ข้อมูล ความรู้ แรงบันดาลใจ หรือสินค้าและบริการ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ใดที่พวกเขาใช้บ่อยที่สุด เพื่อให้สามารถออกแบบเนื้อหาที่ตรงใจ และเลือกช่องทางในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. สร้างเครือข่าย (Networking)

การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์อาจไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องสร้างเครือข่าย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่จะช่วยให้คุณได้รู้จักผู้คนในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ได้พัฒนามิตรภาพและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจะทำให้เกิดโอกาสในการขยายธุรกิจ รวมทั้งคุณยังสามารถเรียนรู้จากผู้อื่นผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และมุมมอง ซึ่งจะช่วยให้พัฒนาทักษะและความรู้ใหม่ ๆ

สำหรับวิธีในการสร้างเครือข่าย คุณสามารถเข้าร่วมงานสัมมนา การประชุม เวิร์กชอป หรืองานอีเวนต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ  เช่น หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าและต้องการสร้างแบรนด์บุคคลให้กลุ่มลูกค้าเห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ ความหลงใหลในเรื่องแฟชั่น คุณสามารถเข้าร่วมงาน Bangkok International Fashion Week, Elle Fashion Week เป็นต้น ดังนั้น การมีเครือข่ายที่ดี สุดท้ายแล้วจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดีให้กับธุรกิจของคุณ

4. สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า (Value)

หลังจากที่สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ สร้างเครือข่าย พันธมิตรที่ดี ในขั้นตอนต่อไป คุณจะต้องนำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์นำมาส่งมอบให้แก่ลูกค้า ผ่านการแบ่งปันเนื้อหาคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบการเขียนบทความ การทำไลฟ์สด การทำวีดีโอ พอดแคสต์ เป็นต้น โดยประเภทของคอนเทนต์สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การให้ความรู้จากความเชี่ยวชาญของคุณ การแชร์มุมมองประเด็นที่เป็น Current Issue หรือการให้ความบันเทิง ทั้งนี้ กุญแจสำคัญของการสร้างคอนเทนต์เนื้อหาจะต้องมีประโยชน์และน่าสนใจ รวมทั้งต้องสร้างคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าถือเป็นกลยุทธ์สำคัญใน Personal Branding ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

5. มีความจริงใจ (Authentic)

การมีความจริงใจ (Authenticity) ในการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล หมายถึง การแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของคุณอย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ โดยไม่พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ความจริงใจนี้มีความสำคัญเพราะจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าและยังทำให้คุณเป็นที่จดจำในฐานะบุคคลที่น่าเชื่อถือและน่าติดตาม

ตัวอย่างการทำ Personal Branding

ในหัวข้อนี้ จะพาทุกคนมาร่วมวิเคราะห์กลยุทธ์ Personal Branding ของเหล่าคนดังที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และแนวทางให้นำไปประยุกต์ใช้กับการสร้างแบรนด์บุคคลของคุณ

1. Elon Musk

Elon Musk
Maurizio Pesce from Milan, Italia, CC BY 2.0, via Wikimedia Commons

Elon Musk ประธานกรรมการบริหารของบริษัท  SpaceX และ Tesla ไม่ได้เป็นเพียงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของบุคคลที่มี Personal Branding ที่แข็งแกร่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนและผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีซึ่งได้สร้างแบรนด์บุคคล ผ่านหัวใจสำคัญ 4 ข้อ

  • การสร้างภาพลักษณ์: บุคลิกที่มีความเฉลียวฉลาด และความกล้าหาญ แต่งตัวสบาย ๆ พูดจาสบาย ๆ และไม่กลัวที่จะแสดงความคิดเห็น
  • ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ: ประกาศว่าจะสร้างอาณานิคมใหม่บนดาวอังคารในอนาคตและการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์
  • การใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ: สื่อสารกับผู้ติดตามผ่านช่องทาง X หรือ Twitter เพื่อแชร์ความคิด อัปเดตความคืบหน้าของบริษัทและตอบคำถาม พูดคุยกับผู้ติดตาม
  • การมีส่วนร่วมในกิจกรรม: เข้าร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น การเปิดตัวนวัตกรรมและการประชุมเทคโนโลยี
  • การสื่อสารที่ชัดเจนและจริงใจ: แสดงความคิดและสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับมุมมองและความฝัน

อย่างไรก็ตาม Elon Musk มักถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความคิดเห็น และพฤติกรรมที่สุดโต่ง แต่สิ่งเหล่านี้แทบจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความนิยมของเขาเลย เพราะกลุ่มคนบางกลุ่มเชื่อว่าความย้อนแย้งและสุดโต่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้น่าติดตามมากขึ้น จึงถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำ Personal Branding ว่าสิ่งสำคัญคือ คุณจะต้องค้นหาตัวตนที่แท้จริง สื่อสารออกมาอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาและจริงใจ

2. Steve Jobs

Steve Jobs

Ben Stanfield from Washington, DC, USA, CC BY-SA 2.0, via Wikimedia Commons

Steve Jobs  เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งประธาน อดีตประธานบริหารของ Apple จากการเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ที่ปฏิวัติวงการเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการออกแบบ เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาจากการสร้าง   Personal Branding ที่ชาญฉลาดและแข็งแกร่ง ซึ่งดึงดูดผู้คนนับล้านและช่วยให้ Apple   กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีค่าที่สุดในโลก โดยกลยุทธ์หลักของ Steve Jobs ในการสร้าง Personal Branding แบ่งได้ 5 ประเด็นดังนี้

  • การสร้างภาพลักษณ์: กำหนดจุดยืนของบริษัทอย่างชัดเจนคือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย สวยงามและล้ำสมัย รวมทั้ง Steve Jobs เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม สามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น กล้าคิดกล้าทำและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่น
  • สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ: Steve Jobs เป็นนักสื่อสารที่มีทักษะการพูดและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเชื่อในตัวเขา ผ่านภาษาที่เรียบง่ายและอารมณ์ขัน ซึ่งทักษะการสื่อสารช่วยให้สามารถสร้างความภักดีของลูกค้าและสร้างฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น
  • สร้างเรื่องราว: พลังของการเล่าเรื่องราว (Storytelling) ที่เข้มข้น ปลุกใจ สร้างความเชื่อมั่น ช่วยให้  Steve Jobs สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าในด้านอารมณ์ได้ (Emotional Marketing) ซึ่งถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
  • มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์: Steve Jobs เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจะขายตัวเอง จึงมุ่งเน้นไปที่การออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม
  • สร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับ: Steve Jobs เชื่อว่าประสบการณ์ของลูกค้ามีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของ Apple จึงสร้างประสบการณ์การซื้อและการใช้งานที่เหนือระดับสำหรับลูกค้า รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้ายังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม พนักงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและบริการลูกค้าก็ยอดเยี่ยม

บทเรียนสำคัญจากการสร้าง Personal Branding ของ Steve Jobs นั้นทำให้เห็นว่าการเชื่อมโยงเอกลักษณ์ของคุณกับสิ่งที่คุณทำ ควรจะสะท้อนถึงตัวตน ค่านิยมและเป้าหมายของคุณ รวมทั้งจงใช้การเล่าเรื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ในขณะเดียวกันต้องสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการฝึกทักษะการสื่อสาร สุดท้ายถ้าการสื่อสารได้ประสิทธิผลจะทำให้เกิดการสร้างชุมชน (Community) กับผู้คนที่มีความคิด ความเชื่อคล้ายคลึงกัน ซึ่งถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

3. Oprah Winfrey

Oprah Winfrey

Maryland GovPics, CC BY 2.0, via Wikimedia Commons

Oprah Winfrey นักธุรกิจหญิง  พิธีกรรายการโทรทัศน์  นักแสดง เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เธอสร้างชื่อเสียงจากรายการทอล์คโชว์ “The Oprah Winfrey Show” ซึ่งออกอากาศยาวนานกว่า 25 ปี กลายเป็นรายการทอล์คโชว์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ และนำพาเธอไปสู่ความสำเร็จในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของ Oprah นั้นมาจากกลยุทธ์ Personal Branding

  • สร้างตัวตนที่ชัดเจน: Oprah สร้างตัวตนที่ผู้คนสามารถเชื่อมโยงและรู้สึกเข้าใจเธอได้ ผ่านการเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องความยากลำบากและความสำเร็จ สิ่งนี้ทำให้คนฟังรู้สึกใกล้ชิดและเกิดความเชื่อถือ
  • สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ: Oprah มีความสามารถในการสื่อสาร เล่าเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ฟังอยากฟังและจดจ่อกับสิ่งที่พูด
  • สร้างแรงบันดาลใจ: แชร์เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการแบ่งปันบทเรียนชีวิต และกระตุ้นให้คนฟังไล่ตามความฝัน สิ่งนี้ทำให้คนฟังรู้สึกมีพลังและมองโลกในแง่ดี
  • รักษาความสม่ำเสมอ: การสื่อสารกับคนฟังอย่างสม่ำเสมอทั้งในแง่ของเนื้อหาและการออกงานต่าง ๆ เช่น รายการทอล์คโชว์ ทำให้เกิดการจดจำ ขยายฐานผู้ติดตาม

การทำ Personal Branding ของ Oprah Winfrey ส่งผลดีให้เธอกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลที่สุด จากการเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ให้แรงบันดาลใจกับผู้หญิงทั่วโลก

สรุป

Personal Branding หรือ การสร้างแบรนด์บุคคล คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่สื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายถึงภาพลักษณ์ เอกลักษณ์ ตัวตน ความเชี่ยวชาญและไลฟ์สไตล์ของของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดยสื่อสารไปยังช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ซึ่งผลลัพธ์ปลายทางที่ได้คือลูกค้าจะเชื่อมั่นในตัวสินค้าและธุรกิจ เพิ่มยอดขาย สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าสู่ความสำเร็จในระยะยาว

สนใจปรึกษา Cotactic

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่มีทีมการตลาด หรือเป็นนักการตลาดที่ต้องการผู้ช่วยทำโฆษณาให้ติดตลาดออนไลน์ ไม่อยากสูญเงินเปล่าให้แพลตฟอร์มโฆษณาจากการลองผิดลองถูกเองแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ลองให้ Cotactic Media บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์กว่า 8 ปี คอยเป็นผู้ช่วยคุณเพิ่มความมั่นใจในทุกความท้าทายทางธุรกิจ เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดและสร้างยอดขายไปพร้อมกัน ช่วยคุณต่อสู้กับคู่แข่งในแบบฉบับของคุณ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้แบรนด์คุณเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ติดต่อขอรับคำปรึกษากลยุทธ์การตลาดออนไลน์กับ Cotactic ได้ก่อนตัดสินใจรับบริการ เพียงกรอกข้อมูลเพื่อให้เรารับทราบโจทย์ของคุณ คลิกที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 065 095 9544

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


Phone: 065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic

Line: @cotactic

——————————————————————–

Source

บทความที่เกี่ยวข้อง

RMF Model

RFM Model คืออะไร? ทำไมการแบ่งกลุ่มลูกค้าถึงสำคัญ

ทำไม Evergreen Content ถึงดีต่อเว็บไซต์

ทำไม Evergreen Content ถึงดีต่อเว็บไซต์

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้