ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ชีวิตคนเราถูกผูกติดอยู่กับอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก แทบทุกคนจะมีสมาร์ตโฟนอยู่ในมือ ก้มหน้าก้มตาตรวจเช็กข้อมูลข่าวสารในมือถือบนการตลาดออนไลน์อยู่ตลอดเวลา จากรายงานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสพธอ. ที่ได้ดำเนินการสำรวจการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2021 พบว่ากลุ่ม Gen Z ที่เกิดระหว่าง 1997-2012 เป็นกลุ่มที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุด เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง 5 นาที ซึ่งใช้มากสุดไปกับการเรียนออนไลน์ 5 ชั่วโมง 23 นาที รองลงมาคือ ดูรายการ Streaming ดูคลิป หนัง ฟังเพลงออนไลน์ 4 ชั่วโมง 11 นาที และติดต่อสื่อสารออนไลน์ 3 ชั่วโมง 39 นาที ขึ้นนำแซงหน้ากลุ่ม Gen Y ที่เป็นแชมป์มาตั้งแต่ปี 2018
จากข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตบ่งบอกได้ว่ากลุ่มคน Gen Z ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญบนโลกออนไลน์พอ ๆ กับ Gen Y และยังมีข้อมูลการสำรวจอีกหลายแห่งที่ยืนยันได้ว่ากลุ่มวัย Gen Z ก็กำลังก้าวเข้าเป็นกำลังหลักสำคัญไม่ว่าจะเป็นด้านตลาดแรงงานและด้านการบริโภคที่มากขึ้น หากธุรกิจหรือเจ้าของกิจการสามารถจับกระแสการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ธุรกิจของคุณได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว เพียงแค่ใช้ การตลาดออนไลน์ ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นก็ช่วยให้คุณหาลูกค้าใหม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น
การตลาดออนไลน์ คืออะไร?
การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing คือ การทำการตลาดในรูปแบบสื่อออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Marketing อาทิ การยิงโฆษณา Facebook, Google, YouTube, Instagram โดยใช้วิธีโฆษณาเว็บไซต์ Landing Page หรือโปรโมทขายสินค้าลงบนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้สินค้า / บริการของเราปรากฏผ่านตาผู้ชมบ่อย ๆ และกระตุ้นความรู้สีกอยากซื้อมากขึ้น ชวนให้เข้ามาซื้อหรือใช้บริการเราได้ในที่สุด
ข้อดีการทำการตลาดออนไลน์
-
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย หาลูกค้าใหม่ได้เร็ว
จากที่เกริ่นไว้ในตอนต้นผู้บริโภคหันมาใช้งานอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้สะดวกกว่าเดิมไม่ใช่แค่ระหว่างบุคคลกับบุคคล แต่ยังรวมถึงธุรกิจกับการหาลูกค้าใหม่อีกด้วย การประชาสัมพันธ์ถึงลูกค้าใหม่จึงทำได้รวดเร็วและง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังผนวกการใช้งาน AI Algorithm เข้ามาช่วยการทำงานในภาคธุรกิจ เพียงแค่ระบุอัตลักษณ์ลูกค้า เช่น เพศ ที่อยู่อาศัย อายุ ความสนใจ หน้าที่การงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ AI จะนำมาประมวลและคัดกรองลูกค้าที่ตรงกับความเป้าหมายหลักของธุรกิจเราได้มากขึ้น ลดการโฆษณาแบบหว่านที่เสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์และตอบโจทย์ลูกค้าที่สนใจมากขึ้น
-
การตลาดออนไลน์ เปิดโอกาสให้คุณแสดงความเชี่ยวชาญออกมาได้อย่างเต็มที่
ในแง่ของผู้ที่ต้องการเข้าใช้บริการ ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งผลมากที่สุดต่อความต้องการใช้งานคือ ความเชี่ยวชาญ เนื่องจากบนแพลตฟอร์มออนไลน์คือพื้นที่สาธารณะที่ให้ผู้บริโภคและธุรกิจติดต่อสื่อสารกันได้โดยตรง เปิดโอกาสให้ธุรกิจแสดงศักยภาพด้านความเชี่ยวชาญได้อย่างเต็มที่ ต่างจากการให้บริการแบบออฟไลน์เพราะเข้าถึงได้ง่ายกว่า ทั้งบนบล็อก โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ให้คำปรึกษาด้านการตลาดและการโฆษณาออนไลน์อย่าง Cotactic Media ที่พร้อมให้คำปรึกษาและรับทำ Google Ads – SEM – SEO รับทำโฆษณา Facebook และการวางแผนการตลาดออนไลน์ให้กับลูกค้าทุกองค์กร สนใจอยากขอรับคำปรึกษา คลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย
-
เนื้อหามีความหลากหลายเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่า
บนโลกออนไลน์คือพื้นที่ที่เราสามารถลงคอนเทนต์ได้หลายรูปแบบ หลายช่องทางในแพลตฟอร์มที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคอนเทนต์บล็อก การลงวิดีโอหรือรูปภาพโปรโมท การทำโพลสำรวจ A/B Testing หรือคอนเทนต์ล้ำ ๆ อย่างการทำโฆษณาบน AR ผ่านฟีเจอร์ Stories ก็ดีไม่แพ้กัน (ดูตัวอย่างรูปแบบสื่อออนไลน์เพิ่มเติมได้ที่นี่) เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเราเจอได้มากขึ้น และยังสามารถรับชมหรืออ่านจากที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งการผลิตสื่อการตลาดออนไลน์ให้ดึงดูดความสนใจลูกค้าได้จะต้องประกอบไปด้วย 3 อย่างนี้ คือ 1. มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์ของตัวเอง 2. หาข้อมูลง่าย มีความน่าเชื่อถือ และ 3. ข้อมูลต้องมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญอยู่ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ จึงจะทำให้ลูกค้าให้ความสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้า/บริการได้อย่างรวดเร็ว
-
การตลาดออนไลน์ มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าแบบออฟไลน์
จากผลการสำรวจของ HubSpot ระบุว่ากลุ่ม Lead หรือ Inbound Lead ส่วนมากแล้วมักมาจากช่องทางออนไลน์มากที่สุด เช่น แชนแนลบล็อก โซเชียลมีเดีย และ SEO เมื่อนำมาคำนวณเปรียบเทียบกับกลุ่ม Lead ที่มาจากช่องทางออฟไลน์แบบดั้งเดิมแล้ว มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าถึง 61% เพราะการใช้งานการตลาดออนไลน์จะลดต้นทุนค่าเดินทางโปรโมท ค่าพิมพ์ป้ายโฆษณา ซึ่งมีราคาสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเซิร์ฟเวอร์
-
สามารถวัดผลได้แม่นยำและน่าเชื่อถือด้วย Online Marketing Tools
เครื่องมือทำการตลาดออนไลน์ตอนนี้รุดหน้าไปมาก มีการผสมผสานทั้ง AI Algorithm และการวางกลยุทธ์ของนักการตลาดเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ Google Adwords, Facebook Business Suite, TikTok For Business เป็นต้น ซึ่งมีหลังบ้านคอยคำนวณและวัดผลการเข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบข้อมูลจากลูกค้าได้ตามความสนใจ เช่น ยอด Engagement, ช่องทางการเข้าถึง, คำนวณค่า ROI/ROAS, ดูยอด Impression/CPC/CTR เป็นต้น เพื่อวัดประสิทธิภาพของการตลาดที่ลงทุนไป ประเมินความคุ้มค่าของผลตอบแทน และช่วยนักการตลาดวางแผนสื่อการตลาดต่อไปได้ในอนาคต
-
ใช้ในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถ้าโลกออนไลน์เชื่อมต่อทุกคนเข้าด้วยกัน มีหรือที่จะไม่เชื่อมต่อธุรกิจกับลูกค้าเข้าด้วยกันบ้าง และหากเปรียบเทียบกับโลกเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ที่การโฆษณายังเป็นรูปแบบออฟไลน์ทั้งหมดกับปัจจุบัน บอกได้เลยว่าวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีช่วยเชื่อมทุกคนให้เข้าใกล้กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฉกเช่นทุกวันนี้ที่มีการสร้างกลุ่มออนไลน์ เพื่อสร้างเครือข่ายพูดคุยระหว่างธุรกิจ-ลูกค้า และธุรกิจ-ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ทำความเข้าใจลูกค้าและคู่ค้าได้มากขึ้น และสามารถส่งมอบความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและรวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านการทำการตลาดออนไลน์
ช่องทางการทำการตลาดออนไลน์
-
SEO (Search Engine Optimization)
SEO คือ ส่วนสำคัญที่สุดของการทำ Digital Marketing เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการจัดอันดับหน้าเพจของเว็บไซต์คุณได้แบบออร์แกนิกบนหน้า SERPs โดยคุณไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ด้วยการออกแบบเว็บไซต์ ปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและมีคุณภาพ เพิ่ม Blacklink ส่งลูกค้ามายังหน้าเพจของคุณโดยตรง จะช่วยเพิ่มค่าการมองเห็น ค่าความน่าเชื่อถือ และคะแนนต่าง ๆ ในการจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ยิ่งตำแหน่งของเพจอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นจุดที่ลูกค้าจะพบเห็นได้ง่ายที่สุด ก่อให้เกิด Traffic, Conversion, Activities บนเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น
บริการรับทำ SEO กับผู้เชี่ยวชาญจาก Cotactic Media
-
SEM (Search Engine Marketing)
การโฆษณาผ่าน PPC หรือการจ่ายค่าโฆษณาต่อหนึ่งคลิก คือส่วนหนึ่งของการตลาดแบบ SEM ซึ่งจะให้ยอดการเข้าชมที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าภายในระยะเวลาอันสั้น ในส่วนของการรันโฆษณา PPC จะรันด้วยการลงทุนใน Bidding บนโซลูชั่นของ Google Ads คือ การทำโฆษณาออนไลน์ผ่านเครือข่ายของ Google หรือบนเครื่องมือยิงโฆษณาชนิดอื่น ๆ ซึ่งคุณสามารถกำหนดงบในการยิงโฆษณา PPC ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลาตามไทม์ไลน์ที่วางแผนไว้ เช่น เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้ ตราบใดที่ไม่ได้ตั้งค่าให้ระบบเลือก Bidding แบบอัตโนมัติ
ยิ่งไปกว่านั้นหากอยากดูว่าประสิทธิภาพของการทำ PPC ว่ามีประสิทธิผลมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือก Keyword ให้ตรงกับยอด Search Volume ได้มากแค่ไหน เพราะถ้ายิ่งคำโฆษณาของคุณตรงกับยอดคำค้นหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่อัลกอริทึ่มของ Search Engine จะจัดลำดับ SEM ของคุณให้เห็นได้ง่ายมากขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมหมั่นตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพคำโฆษณาและข้อมูลของ PPC บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวโฆษณาของคุณตกอันดับนั่นเอง
-
Email Marketing
การตลาดผ่านอีเมลนับเป็นสะพานเชื่อมระหว่างธุรกิจและงานขายกับลูกค้า แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมมากเท่าการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย แต่ Email Marketing ก็มีความโดดเด่นตรงที่ลูกค้าสามารถโต้ตอบได้โดยตรง รวดเร็ว (ยกเว้นเป็น Email Marketing แบบระบบอัตโนมัติจะโต้ตอบไม่ได้) และเป็นส่วนตัวมากแล้ว ยังเป็นช่องทางทำการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอด Emgagement ได้ดี เรียกความมั่นใจและความต้องการซื้อจากฐานลูกค้าเก่าได้ดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการทำ Email Marketing ได้จะต้องมีการสมัครสมาชิกก่อนทำให้สมาชิกเข้าถึงโปรโมชันเฉพาะสมาชิก หรือส่วนลดเฉพาะสมาชิกได้ หรือสามารถนำเสนอสินค้าพิเศษเสริมจากสินค้าที่ลูกค้าได้ซื้อไป ก็ถือว่าเป็นการ Retargeting อีกทางหนึ่ง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำ Email Marketing ก็มีความเสี่ยงอยู่ตรงที่บางครั้งอัลกอริทึ่มของอีเมลจะเข้าใจว่าเมลของคุณเป็นสแปมทุกครั้งที่มีการส่งเมลหา เมลของคุณจะไปกองอยู่ในถังขยะของลูกค้าก็เป็นได้ หรือลูกค้าบางคนอาจรู้สึกว่ามีอีเมลจากธุรกิจที่ไม่ต้องการเข้ามาเยอะก็อาจทำให้เลิกกดเป็นสมาชิกของคุณไปเลยก็ได้ ฉะนั้นก่อนการส่งอีเมลในแต่ละครั้งควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าอีเมลของคุณไม่ได้ละเมิดข้อกำหนดอีเมลสแปมแน่ ๆ และไม่ส่งถี่เกินไปจนลูกค้าถึงกับกด Unsubscribe
-
Video Marketing
คุณรู้ไหม? YouTube เป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มากกว่าการค้นหาบนเว็บไซต์ที่อยู่อันดับ 3 รู้อย่างงี้แล้วจะพลาดการทำการตลาดบนวิดีโอไปได้ไง จริงไหม? เพราะการผลิตสื่อวิดีโอเป็นส่วนหนึ่งของงาน Content Marketing ที่นิยมใช้กันมาก เป็นการผสมผสานองค์ประกอบของการทำ Content Marketing ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ SEO การเขียนคำโฆษณา การออกแบบวิดีโอ การเขียนสคริปต์พูด มุมกล้อง เสียง และแสง เป็นต้น ซึ่งในวิดีโอหนึ่งคลิปจะกล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้า/บริการที่คุณต้องการนำเสนอ ทำให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของสินค้า/บริการในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถสื่อสารขั้นตอนการขอใช้บริการและหลังการรับบริการได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และลูกค้ายังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการพิจารณาการซื้อกับเจ้าอื่นอีกด้วย ส่วนในช่องทางหลักในการลงวิดีโอได้แก่ YouTube, Facebook, Instagram และ TikTok
นอกจากนี้หากธุรกิจของคุณต้องการขยายขอบเขตธุรกิจของคุณไปให้ความรู้ในธุรกิจที่คุณมีความเชี่ยวชาญบน YouTube อย่าง Podcast หรือ YouTube Channel ก็ยังช่วยสร้างรายได้แบบ Passive Income มาให้คุณได้อย่างมาก แม้สินค้าจะขายไม่ออกหรือไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ คุณก็ยังมีรายได้จากบน YouTube มาคอยหล่อเลี้ยงไว้อยู่
-
Social Media Marketing (SMM)
เป็นการตลาดออนไลน์ทั้งทีจะไม่ทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียก็คงย้อนแย้ง แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ที่เป็นที่นิยมตอนนี้ได้แก่ Instagram, Facebook, LinkedIn, Twitter และ Line ซึ่งสื่อเหล่านี้จะเป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โปรโมทโฆษณาสินค้า/บริการ และยังเป็นพื้นที่กลางที่ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรงพอ ๆ กับ Email Marketing ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการค้นหาให้กับลูกค้าได้สะดวกยิ่งขึ้นและยังเพิ่มโอกาสในการสร้าง Engagement และกระตุ้นยอดขายได้ดีเช่นกัน
-
Influencers Marketing
Influencers หรือกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพลทางความคิดบนโซเชียลมีเดีย บางคนอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในแวดวงเดียวกันกับธุรกิจของคุณและยังอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้า/บริการเหล่านั้นอยู่ เป็นผู้ทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์เผยแพร่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้คนสนใจกดติดตามเป็นจำนวนมาก และยิ่งมียอดผู้ติดตามมากก็ยิ่งทำให้บุคคลเหล่านี้มีพลังในการสื่อสารมากตามไปด้วย ทำให้โน้มน้าวได้ง่าย เพราะความใกล้ชิดที่เอนเอียงไปทางฝั่งผู้บริโภคมากกว่าฝั่งธุรกิจ
วิธีที่จะทำให้ Influencers สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดก็คือ การทำ Content Marketing ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด การโพสต์บล็อกที่มี Keyword ที่ถูกต้องและมีคำค้นหาตรงกับความสนใจของ Influencers จะดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาทดลองใช้งานและนำไปรีวิวตามแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
-
Affiliate Marketing
เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้กว้างขวางยิ่งขึ้นและไปได้ทั่วโลกโดยที่ไม่ต้องจ้างพรีเซนเตอร์จากแต่ละภูมิภาคหรือประเทศอื่นมาโปรโมท ข้อแตกต่างระหว่างการทำการตลาดแบบ Affiliate กับ Influencers อยู่ที่ Affiliate จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการช่วยโปรโมทเป็นการตอบแทน และต้องมีตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและผู้โปรโมท เพื่อติดตามคำสั่งซื้อว่ามาจากใครได้ง่ายขึ้น ช่วยให้จ่ายเงินได้ถูกคน
เพิ่มเติมคือ Affiliate Marketing สามารถเป็นใครทำก็ได้ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงมากมาย คนธรรมดาทั่วไปก็สมัครได้ (แต่อาจต้องมียอดผู้ติดตามหรือเพื่อนเยอะนิดนึง) หรือจะเป็น Nano/Micro-Influencers, ผู้บริหาร หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ ก็สามารถทำได้เองที่บ้าน ซึ่งหลักการการทำงานจะเป็นดังนี้
- ผู้ที่ต้องการลงสมัครเป็น Partner กับบริษัทที่ลง Affiliate ต้องมีเว็บไซต์ บล็อก Facebook Page, Instagram (Public), TikTok เป็นของตัวเอง หรือถ้าไม่มีจะเปิดเป็นแบบส่วนตัวก็ได้แล้วโปรโมทให้เพื่อนในแต่ละแพลตฟอร์ม
- สมัคร Affiliate Program ฟรี ไม่มีค่าแรกเข้า ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ให้บริการมีดังนี้ Involve Asia, Lazada Affiliate, Shopee Affiliate, Accesstrade ฯลฯ หลังการสมัครจะมีบริษัทดัง ๆ มากมายลงโปรโมชั่นไว้ให้คุณนำลิงก์เหล่านั้นไปโปรโมทต่อบนแชนแนลของคุณ
และถ้าฝั่งธุรกิจอยากลงขายบ้างต้องทำยังไง? เราแนะนำให้ติดต่อเข้าไปแต่ละแพลตฟอร์มโดยตรงจะสะดวกที่สุด เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา
- ถ้ามีลูกค้าซื้อสินค้า/บริการผ่านลิงก์ที่คุณแปะไว้ คุณจะได้ค่าคอมมิชชั่นเป็นการตอบแทน (ค่าคอมฯ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท)
และข้อดีของการทำ Affiliate Marketing มีเยอะมาก ได้แก่
- ลงทุนน้อย แค่ฝากโปรโมชั่นบนตัวกลาง
- ทำจากที่ไหนก็ได้ เพราะแค่ลงสื่อออนไลน์เท่านั้น
- สะดวกและยืดหยุ่น ผู้ลงขายได้ยอด Traffic, Engagement, Leads เพิ่มขึ้น ส่วนผู้โปรโมทก็ได้ค่าคอมฯ
- จ่ายเงินตามผลงานจริง เพราะแต่ละลิงก์จะมีระบบตรวจจับยอด Leads ทำให้รู้จำนวนลูกค้าที่แท้จริงเพื่อนำไปคำนวณเป็นค่าคอมฯ อีกทีหนึ่ง
-
Content Marketing
การทำคอนเทนต์คือหัวใจหลักที่เป็นจุดศูนย์รวมทุก ๆ แคมเปญของ Digital Marketing เพราะหลักการทำคอนเทนต์สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบไม่ใช่แค่อย่างเดียว สามารถผลิตออกมาได้หลายรูปแบบ หรือจะนำมาผสมรวมกันก็ได้ อย่างเช่น งานเขียน งานวาด กราฟิก อินโฟกราฟิก Podcast เป็นต้น ทั้งนี้การจะทำคอนเทนต์ให้มียอด Lead หรือ Engagement พุ่งขึ้นสูง ๆ จะต้องมีเนื้อหาที่ดี มีคุณภาพสูง มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Keyword ที่ผู้ใช้งานค้นหาอยู่ ยิ่งทำเป็น Original Content ได้ยิ่งดี รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อย่าง การออกแบบ UX SEO/UI Landing Page ให้มีประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานเข้ามาแล้วไม่งง Page Download Speed ไม่อืดจนทุกคนกดหนี ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การทำ SEO Ranking มีประสิทธิภาพอีกด้วย (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ก่อนจากกันไปขอสรุปอีกครั้งว่า Online Marketing หรือ การตลาดออนไลน์ คือ การทำคอนเทนต์หรือการวางกลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมุ่งหวังที่จะมีลูกค้าใหม่ไหลเข้ามาใช้บริการ/ซื้อสินค้ามากขึ้นจากช่องทางดังกล่าว นำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณให้เป็นที่น่าสนใจ รู้จักกันในวงกว้างจากการโปรโมทของคุณเองหรือการยืมแรงจากคนอื่นมาช่วยก็เช่นกัน ทั้งนี้การผลิตคอนเทนต์สำหรับการตลาดออนไลน์ได้จะต้องคำนึงถึงคุณภาพของคอนเทนต์ และความเกี่ยวข้องของเนื้อหากับผู้ใช้งานจึงจะสร้าง Traffic มาสู่เว็บไซต์ของคุณได้
หรือหากอยากได้คำปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ หรือ Digital Marketing ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น ติดต่อหาเรา Cotactic Media เรายินดีให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจของคุณ
——————————————————————–
ร่วมงานกับทีม Cotactic Media บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress ราคาถูก หนึ่งในบริษัทโฆษณาออนไลน์ชั้นนำของเมืองไทย ที่จะช่วยให้คุณตอบโจทย์การหาลูกค้าให้คุณได้ตามเป้าหมายแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Brand Awareness หรือ Lead Generation ก็ทำได้หมด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกับทีม Cotactic เพื่อให้เราเป็น Collaborative Marketing Partner ทำงานเป็นทีมร่วมกันกับคุณ
——————————————————————–
ติดต่อ
โทร.065-095-9544
Inbox: https://m.me/cotactic
Line@: https://line.me/R/ti/p/@cotactic
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล
https://seo-web.aun-thai.co.th/blog/marketing-blog-online-marketing/