12 เทคนิคการทำ Lead Generation ฉบับ Cotactic Media
Lead หรือว่าที่ลูกค้า มีมากมายหลายประเภท ซึ่ง Lead แต่ละประเภท ก็มีความสนใจ ความต้องการ และความพร้อมในการซื้อสินค้าที่แตกต่างกัน การทำ Lead Generation จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจของเราทำการตลาดได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการทำความรู้จักลูกค้าของเรา ผ่านการเก็บข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลพฤติกรรม ทั้งจากการใช้งานเว็บไซต์ จากการพูดคุยผ่านทางแชท หรือแม้แต่การตอบสนองกับแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ที่เราได้คิดขึ้นมา ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ มีส่วนช่วยให้ธุรกิจได้พัฒนาสินค้า บริการ และแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ให้ไปถูกที่ถูกทางมากขึ้น หลังจากที่เราทำความเข้าใจกันแล้วว่า LEAD คืออะไร และวิธีหาลูกค้าสำหรับธุรกิจเพื่อทำ LEAD GENERATION ทำอย่างไร วันนี้ Cotactic เราเป็น Digital Agency จะพาไปรู้จักกับเทคนิคการทำ Lead Generation ฉบับ Cotactic Media เพื่อให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง
1. สร้างประสบการณ์ที่ดีจากการเข้าใช้งาน Website
‘เว็บไซต์ที่ดี’ สำหรับคุณคืออะไร? ตัวหนังสืออ่านง่าย โหลดไว หน้าตาสวยงาม ความต้องการเหล่านี้ล้วนเป็นความต้องการแรก ๆ ของลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรา แต่จริง ๆ แล้วการออกแบบเว็บไซต์ ไม่ใช่แค่การออกแบบในเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ต้องออกแบบ Customer Journey ให้กับลูกค้าด้วย
ลองจินตนาการว่า คุณดันไปถูกสนใจสินค้าชิ้นหนึ่งมาก ๆ ตอบโจทย์การใช้งาน แถมราคายังสมเหตุสมผล แต่พอคลิกเข้าไปเพื่อสั่งซื้อ กลับเจอกับเว็บที่โหลดภาพนาน กว่าจะไปแต่ละหน้าต้องใช้เวลามากกว่า 30 วินาที สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราออกแบบ UX/ UI อย่างดี ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้งาน และพัฒนาอยู่เสมอ จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และสร้างโอกาสให้ลูกค้ากลับมาใช้งานเว็บไซต์ของเราอีกด้วย
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าการทำเว็บไซต์เป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับคุณ สามารถมองหาผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบเว็บไซต์อย่างมืออาชีพ เพื่อมาช่วยดูแลเรื่องยาก ให้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นได้
2. ใช้ช่องทาง Social Media ในการทำการตลาด
Social Media Marketing เป็นสิ่งสำคัญในการดึงลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการของเรา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์ธุรกิจ หรือการซื้อขายผ่านทาง E-Marketplace อย่าง Shopee หรือ LAZADA ต่างก็ต้องพึ่งพาการทำคอนเทนต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียของเรา อาทิ Facebook, Instagram, LINE, YouTube หรือ TikTok ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ โดยหน้าที่หลัก ๆ ของการทำ Social Media คือการสร้างการรับรู้แบรนด์ และการสร้างการมีส่วนร่วมที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้า
3. ดึงดูดลูกค้าด้วย Lead Magnet
Lead Magnet คือ เทคนิคการทำ Lead Generation เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยการสร้างคอนเทนต์ หรือแคมเปญการตลาดที่มีคุณค่ากับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ หรือแก้ไขปัญหาบางอย่างให้กับลูกค้า เช่น การลงทะเบียนเพื่อแลกกับ eBook, Exclusive Content, คูปองส่วนลด หรือแม้แต่การลงทะเบียนเพื่อรับสินค้าหรือบริการไปทดลองใช้งานฟรี
4. ไม่พลาดทุกโปรโมชัน ด้วย Email Marketing
การทำ Email Marketing เป็นอีกช่องทางการตลาดที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย โดยแบรนด์สามารถส่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น คอนเทนต์ ข่าวสาร หรือโปรโมชัน ให้กับลูกค้าได้ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือต่าง ๆ มากมายที่เข้ามาช่วยจัดการการส่งข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทางอีเมลให้ง่าย และ Personalized มากขึ้น เช่น การส่งโปรโมชันให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ การส่งคูปองออนไลน์ให้กับลูกค้าที่เกิดในเดือนนั้น ๆ หรือคูปองส่วนลดให้กับลูกค้าที่สมัครสมาชิกใหม่ เป็นต้น โดยปัจจุบันโปรแกรมที่นิยมใช้ในการจัดการอีเมลมีให้บริการอยู่หลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น ActiveCampaign, Benchmark, Sendinblue, GetResponse ฯลฯ เพื่อน ๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้เลย
แต่ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่เคยทำ Email Marketing มาก่อน แนะนำให้อ่านบทความที่เราเคยเขียนเกี่ยวกับ EMAIL MARKETING คืออะไร? รวมทุกเทคนิคสำคัญในปี 2023 เพื่อทำให้การออกแบบ Email Marketing ของคุณมีประสิทธภาพมากยิ่งขึ้น
5. อยู่ที่ไหนก็มีส่วนร่วมได้ผ่าน Webinars
การจัดสัมมนาออนไลน์ หรือ Webinars เป็นเทคนิคการทำ Lead Generation เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ โดยนำคอนเทนต์หรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่สามารถจูงใจลูกค้ามากพอที่ลูกค้าจะสละเวลามาเข้าร่วม เช่น คอนเทนต์ให้ความรู้ การสอน การสาธิต เป็นต้น การทำ Webinars มีส่วนช่วยให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์แบบ 1:1 สามารถถาม-ตอบได้แบบเรียลไทม์ และเข้าถึงแบรนด์ของคุณจากที่ใดก็ได้บนโลก (ที่มี WiFi) โดยปัจจุบันมีเว็บไซต์และโปรแกรมที่ออกแบบมาให้มีผู้เข้าร่วม Webinars พร้อมกัน ตั้งแต่สิบคน ไปจนถึงหลักหมื่นในเวลาเดียวกันได้ เช่น Zoom, WebEx, Joinwebinar, Gotomeeting เป็นต้น
6. จ่ายให้ตรงจุดด้วย PAY-PER-CLICK (PPC)
การจ่ายเงินซื้อค่าโฆษณา หรือ PAY-PER-CLICK (PPC) เป็นการจ่ายเงินซื้อโฆษณาบน Search Engine โดยจะคิดค่าบริการตามจำนวนคนที่คลิกเข้ามาดูเว็บไซต์ของเราตามความเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น มีคนเห็นโฆษณาคุณ 100 คน แต่มีคนคลิกแค่ 10 คน ค่าโฆษณาจะคิดแค่การคลิกของ 10 คนนี้เท่านั้น ซึ่งประโยชน์ของการตลาดผ่านโฆษณา Paid Ads นี้คือคุณจะเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมาย และจำกัดงบประมาณได้
7. Retargeting Ads เข้ามาดูครั้งเดียว เห็นตลอดไป
การทำ Retargeting Ads เป็นการยิงโฆษณาไปยัง Lead หรือว่าที่ลูกค้าที่เคยเข้ามาเยี่ยมสินค้าของเราบนเว็บไซต์ แต่อาจจะยังไม่เกิด Conversion หรือยังไม่พร้อมซื้อสินค้าของเราในตอนนี้ ให้เห็นสินค้าของเราผ่านการยิงโฆษณาไปหาลูกค้า ในขณะที่ลูกค้าเข้าใช้งานเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อสร้างการรับรู้กับลูกค้าบ่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่ลูกค้าพร้อมซื้อสินค้าหรือบริการของเรา การทำ Retargeting Ads นี้ สามารถทำได้ในหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น Google Ads, Facebook Ads, LINE Official Account, Twitter เป็นต้น
8. มัดใจลูกค้าภายใน 60 วิ ด้วย Video Content
การทำ Video Content เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการทำ Lead Generation ที่กำลังนิยมในขณะนี้ เนื่องจากการทำคอนเทนต์วิดีโอ สามารถนำเสนอเนื้อหาสินค้าและบริการที่ได้อรรถรสมากกว่าการทำเนื้อหาแบบการเขียนบทความทั่วไป ผู้ชมสามารถเห็นสินค้า การสาธิตการใช้งาน การบรรยายคุณสมบัติ การใส่ข้อความลงในวิดีโอ หรือแม้แต่การใส่เพลงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ในวิดีโอชิ้นเดียว
ซึ่งในยุคที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ คอนเทนต์รูปแบบวิดีโอก็ได้มีการปรับให้สั้นลงตามพฤติกรรมผู้ชมที่ต้องการเสพคอนเทนต์ที่หลากหลายในเวลาอันรวดเร็ว รวมไปถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ต่างพากันผลักดันคอนเทนต์วิดีโอให้มีการแสดงผลที่มากขึ้นและทั่วถึง ทำให้ธุรกิจของเราสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้จากการทำวิดีโอคอนเทนต์แบบสั้น หรือที่เรียกกันว่า Shorts หรือ Reels ในแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Instagram, YouTube หรือแม้แต่ Facebook แพลตฟอร์มที่ธุรกิจต่าง ๆ นิยมลงคอนเทนต์ประเภทบทความพร้อมภาพประกอบ ยังสนใจเข้ามาเล่นในตลาดนี้เช่นกัน
9. ให้ข้อมูลสินค้าอย่างรวดเร็วด้วย Chatbots
Chatbots เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาโดย Artificial Intelligent (AI) ที่จะเข้ามาช่วยตอบกลับข้อความอัตโนมัติ เพื่อให้การสนทนาระหว่างผู้ติดต่อและธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น โดยปัจจุบันข้อความที่ตอบกลับจะมีความธรรมชาติมากขึ้น เสมือนเป็นคนจริง ๆ กำลังให้ความช่วยเหลือเราอยู่ โดยการตอบคำถามของคู่สนทนาที่ว่านี้ จะดึงข้อมูลมาจากคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ผู้ดูแลระบบตั้งค่าไว้ นอกจาก Chatbots จะเข้ามาช่วยตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วแล้ว ธุรกิจเองก็สามารถเก็บข้อมูลจากลูกค้าได้ว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไรบ้าง มีพฤติกรรมในการใช้งานอย่างไร เพื่อที่จะนำข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ ไปวิเคราะห์และพัฒนาธุรกิจต่อไปได้
10. เติบโตอย่างมั่นคงด้วยการเป็น Partner กับธุรกิจอื่น
การหา Partnership เป็นอีกสิ่งที่จำเป็นในการทำธุรกิจ เพราะพาร์ทเนอร์จะช่วยทำให้บริษัทของเราแข็งแรงขึ้น เติบโตไปอย่างมั่นคงมากขึ้น และขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น แต่ต้องมีการศึกษาหาข้อมูลบริษัทที่เราจะเป็นพาร์ทเนอร์ให้รอบคอบ ครอบคลุม และตอบโจทย์วัตถุประสงค์ในการหาพาร์ทเนอร์
การมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ นอกจากจะสามารถแชร์ทั้งความรู้ ประสบการณ์ และรายได้แล้ว ยังมีส่วนในการแชร์ทรัพยากร หรือข้อมูลลูกค้าบางอย่างร่วมกัน ทำให้ธุรกิจของเราและพาร์ทเนอร์ มีโอกาสในการเติบโตที่มากกว่า
11. ตัดสินใจง่ายขึ้นด้วยกลยุทธ์ ‘ทดลองใช้ฟรี’
การทำการตลาดผ่านการทดลองใช้สินค้าสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราได้หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์เป็น โปรแกรม หรือแอปพลิเคชัน การให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานได้ทดลองใช้สินค้าของเราก่อนโดยไม่คิดค่าบริการ มีผลอย่างมากในการตัดสินใจ โดยส่วนใหญ่มักจะนิยมให้ทดลองใช้งานฟรี 7 วัน หรือ 30 วัน ขึ้นอยู่กับประเภทและจุดประสงค์การใช้งานของแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมนั้น ๆ
หรือแม้แต่สินค้าหรือบริการ ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น การลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลด, สินค้าทดลอง, บริการ เป็นต้น สามารถนำมาปรับใช้ในกรณีที่ธุรกิจต้องการข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปทำการตลาด ธุรกิจเปิดใหม่ที่อยากให้ลูกค้าได้ลองใช้สินค้า หรือแม้แต่การมีสินค้าออกใหม่ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งการทำเช่นนี้ทั้งธุรกิจและลูกค้าก็ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ธุรกิจเองก็ได้ข้อมูลบางอย่างไปวางแผนการตลาดต่อ ส่วนลูกค้าก็ได้รับส่วนลดหรือสินค้าทดลองไปลองใช้ประกอบการตัดสินใจ และมีโอกาสกลับมาเป็นลูกค้าของเราอีกครั้ง
12. ใช้ดีบอกต่อ กับ Customer Referrals Program
การทำ Customer Referrals Program คือการตลาดแบบบอกต่อจากลูกค้าเก่าไปยังลูกค้าใหม่ แต่การจะรอให้ลูกค้าเก่าบอกต่อนั้น เราไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ และแบรนด์เองก็ไม่สามารถติดตามผลลัพธ์ได้ ดังนั้นเราจะให้ Incentive บางอย่างเป็นตัวเร่ง ในการที่จะให้ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของเราไปแล้ว อยากจะบอกต่อสินค้าของเราให้เพื่อน ๆ หรือคนรอบตัวได้ซื้อสินค้าหรือบริการของเราตาม ซึ่งส่วนมากทั้งผู้แนะนำ และผู้ถูกแนะนำจะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
สรุป
การทำ Lead Generation สามารถทำได้มากมายหลายวิธีและอยู่ในทุก ๆ ส่วนของธุรกิจของเรา ดังนั้นเราควรจะวางแผนการทำ Lead Generation อย่างดี ตั้งแต่การทำเว็บไซต์ ดีไซน์ Customer Journey ของลูกค้า การนำ Chatbots มาติดตั้งบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยตอบคำถามและเก็บข้อมูล การทำคอนเทนต์การตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ พอดแคสต์ (Podcast) หรือวิดีโอ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยในการสร้างการรับรู้ และบ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์เราทั้งสิ้น หรือแม้แต่การเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดก็มีส่วนสำคัญในการสร้างภาพจำระหว่างแบรนด์กับลูกค้า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าเรามีการวางแผน ศึกษาข้อมูลลูกค้า ทั้งข้อมูลประชากรและข้อมูลพฤติกรรม นำไปปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าเทคนิคการทำ Lead Generation เหล่านี้ ถึงแม้จะดูยุ่งยากและเพิ่มขั้นตอนในการทำงานมากขึ้น แต่ถ้าเรารู้จักกลุ่มลูกค้าและตลาดของเราอย่างดี ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นแน่นอน
ต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้าน Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic