click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ในปีที่ผ่านมา มีกลยุทธ์เพิ่มยอดขายเกิดขึ้นมากมายบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์ขายสินค้า โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางตะกร้าที่ร้านค้ากำหนดไว้ได้เลยโดยไม่ต้องมีการคอมเมนต์เพื่อ CF สินค้าแบบเดิม ๆ หรือแม้แต่การแจกคูปองส่วนลดสูงสุดถึง 30% เฉพาะสินค้าที่ซื้อผ่านทางไลฟ์เท่านั้น กลยุทธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ในปี 2023 ที่ผ่านมา สถิติข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ และ Statista เผยว่าประเทศไทยมียอดขายสินค้าออนไลน์สูงถึง 700,000 ล้านบาท สอดคล้องกับที่ McKinsey คาดการณ์ว่ารายได้ E-commerce ในไทย จะเติบโตมากถึง 25% ต่อปี ต่อเนื่องไปอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า วันนี้ Cotactic เราเป็น Digital Marketing Agency จะพามาอัปเดตกันว่า 10 วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์สำหรับทุกธุรกิจในปี 2024 นี้ จะมีกลยุทธ์ไหนที่จะช่วยเพิ่มยอดขายธุรกิจของเราได้บ้าง

 

การเพิ่มยอดขายออนไลน์ สำคัญอย่างไรกับธุรกิจ?

การเพิ่มยอดขายเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ร้านค้าออนไลน์เท่านั้น เพราะทุกวันนี้มีร้านค้าคู่แข่ง ที่อาจจะขายสินค้าหรือบริการคล้ายกับเราอยู่เป็นจำนวนมาก และผู้บริโภคเองก็มีโอกาสในการเปรียบเทียบ และมีตัวเลือกในการเลือกซื้อมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหากเราไม่มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่ศึกษากลยุทธ์ หรือวิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะหาทางเพิ่มยอดขายให้สูงและเติบโตขึ้น ก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเราตามคู่แข่งไม่ทันได้

 

10 วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ มีอะไรบ้าง

 

10 วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ มีอะไรบ้าง และต้องทำยังไง

 

ในยุคที่ธุรกิจออนไลน์เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน ไม่ว่าเราจะเป็นธุรกิจเปิดใหม่ หรือธุรกิจที่เปิดมาได้สักระยะแล้ว ต่างก็ต้องปรับตัวให้ทันกับเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะกลยุทธ์แบบเดิมที่เคยใช้ อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์เช่นเดิมอีกแล้ว มาดู 10 วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับธุรกิจของเรากันว่าจะมีวิธีอะไรบ้าง

 

1. สร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง 

ปัจจุบันนี้เราสามารถขายของออนไลน์ได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทาง E-Marketplace ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada หรือ TikTok แต่การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั้น มีข้อดีต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ การเก็บข้อมูลลูกค้าหรือสถิติการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเรา สามารถค้นหาร้านค้าของเราผ่าน Google ได้ และมีพื้นที่สื่อเป็นของเราเอง ยิ่งเรามีข้อมูลและพฤติกรรมการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไหร่ เราก็สามารถนำข้อมูลชุดนี้ มาวิเคราะห์และออกแบบโปรโมชันที่เหมาะสมกับลูกค้าของเราได้มากขึ้น

 

2. มอบประสบการณ์ที่ดีในการเข้าชมเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ดีประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง เราควรศึกษาข้อมูลการใช้งานของลูกค้า พัฒนาและออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม  ใช้งานง่าย โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) เป็นหลัก รวมไปถึงการแสดงผลที่รวดเร็ว และตอบสนองกับอุปกรณ์ที่เข้าใช้งานได้ทั้งสมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป เพื่อมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรา และเพิ่มโอกาสที่จะปิดการขายบนเว็บไซต์ของเราได้อีกด้วย

 

3. เข้าใจการทำงานของ SEO (Search Engine Optimization)

นอกจากโซเชียลมีเดียจะเป็นประตูที่จะเข้ามายังเว็บไซต์ของเราแล้ว การปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ก็จะช่วยให้คนค้นหาร้านค้าของเราบน Google เจอด้วยเช่นกัน ดังนั้น เราควรศึกษาและวางแผนการทำ SEO (Search Engine Optimization) บนเว็บไซต์ของเรา เพื่อเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะหาเราเจอ และอาจกลายมาเป็นลูกค้าของเราในที่สุด

 

แต่ถ้าหากเรื่อง SEO เป็นเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับคุณ Cotactic มีบริการรับทำ SEO ปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ ‘ติดหน้าแรก GOOGLE’ เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

 

4. ทำการตลาดบนแพลตฟอร์มที่ใช่

นักการตลาดหรือธุรกิจร้านค้าออนไลน์สมัยนี้คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าโซเชียลมีเดียมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำการตลาด และศึกษากลุ่มเป้าหมายของเรา ซึ่งปัจจุบันมีแพลตฟอร์มเกิดขึ้นมากมาย ทำให้บางแพลตฟอร์มมีผู้ใช้งานลดลง บวกกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละแพลตฟอร์มก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น ทำให้เราสามารถเห็นกลุ่มเป้าหมายจากแต่ละแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นเราสามารถที่จะเลือกโฟกัสให้ถูกช่องทาง เพื่อประหยัดเวลา งบการตลาด และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ยกตัวอย่างเช่น

  • Instagram เหมาะกับสินค้าแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เพราะแพลตฟอร์มเน้นแสดงผลด้วยรูปภาพ ภาพถ่ายสินค้าแฟชั่นที่สวยงามจึงมักจะดึงดูดให้ผู้ใช้งานสนใจ
  • TikTok เหมาะกับธุรกิจร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม เพราะผู้ใช้งานนิยมเข้าไปค้นหารีวิวบนแพลตฟอร์มนี้

 

5. ผลิตคอนเทนต์วิดีโอให้มากขึ้น

ในยุคที่โลกหมุนไปไวเช่นนี้ การทำคอนเทนต์ประเภทบทความอาจไม่น่าสนใจเพียงพอ ผู้คนเริ่มหันมาเสพคอนเทนต์ที่รวดเร็วมากขึ้น เพราะอยากใช้เวลาในการเสพคอนเทนต์น้อยลง อย่างคอนเทนต์วิดีโอ ซึ่งเราในฐานะธุรกิจก็ควรหันมาสนใจการทำคอนเทนต์นี้เช่นกัน ลองพยายามปรับตัว เรียนรู้ หาเทคนิคใหม่ ๆ ที่จะสามารถมัดใจคนให้อยู่หมัดภายในไม่กี่วินาที

 

6. มัดใจลูกค้าด้วยระบบสมาชิก

เมื่อพูดถึงส่วนลด หรือสิทธิประโยชน์ เชื่อว่านักชอปปิงออนไลน์อย่างเราต่างก็ต้องสนใจ แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้บริโภคหันมาสนใจซื้อสินค้าผ่านทาง E-Marketplace อย่าง Shopee, Lazada หรือ TikTok ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบสมาชิกอย่างระบบ CRM (Customer Relationship Management) ได้ เนื่องจากแพลตฟอร์ม E-Marketplace เอง ต่างก็มีการเก็บข้อมูลลูกค้ากันอยู่แล้ว ทำให้ระบบสมาชิกนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานกันในร้านค้าออนไลน์ที่ทำการขายผ่าน E-Marketplace เป็นหลัก

 

แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาร้านค้าออนไลน์และระบบ CRM ก็เริ่มมีการปรับตัว และหาทางเก็บข้อมูลลูกค้าเป็นของตัวเอง ผ่านการประชาสัมพันธ์บนโซเชียลมีเดียที่ใช้ทำการตลาด และการปรับแต่งหน้า Home Page บน E-Marketplace โดยให้ลูกค้าไปสมัครสมาชิกบนแพลตฟอร์มอื่น ก่อนเข้ามาซื้อสินค้า และร้านค้าจะดึงข้อมูลการสั่งซื้อมาสะสมแต้มให้ลูกค้าภายหลัง ทำให้นักชอปปิงออนไลน์มีตัวเลือกที่ดีในการตัดสินใจเพิ่มขึ้น หากเจอสินค้าชนิดเดียวกัน ในราคาที่ไม่ต่างกันมาก เราเองก็คงจะเลือกซื้อสินค้ากับร้านที่เราเป็นสมาชิกอยู่ เพื่อรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติม ระบบสมาชิกจึงเป็นอีกสิ่งที่ธุรกิจคุณไม่ควรมองข้าม

7. แจกโค้ดส่วนลด พร้อมโปรโมชันเด็ดอยู่เสมอ

การแจกส่วนลด หรือการออกโปรโมชันดี ๆ ออกมาอยู่เสมอ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยเราสามารถเลือกกลยุทธ์การลดราคาให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราได้ เช่น การจัดโปรโมชัน Flash Sale โดยกำหนดช่วงเวลา การขายสินค้าในราคาพรีออเดอร์ การลดราคาสินค้าที่เหลือสต็อกเพียงไม่กี่ชิ้น การจับคู่สินค้าสองชิ้นขึ้นไปในราคาที่ถูกลง หรือโปรโมชันที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันอย่างการขายกล่องสุ่มสินค้า เป็นการเคลียร์สินค้าที่ค้างสต็อกและสินค้าคอลเลกชันใหม่ บรรจุอยู่ในกล่องเดียวกัน และขายในราคาที่ถูกมากกว่า 30% เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าโดยไม่ได้โฟกัสว่าจะได้สินค้าชิ้นไหนไป

 

8. ห้ามพลาด Double Digit Campaign

นักชอปปิงออนไลน์รู้ แม่ค้ารู้ Double Digit Day อย่าง 8.8, 9.9, 10.10 เป็นวันที่เหล่านักชอปออนไลน์และบรรดาร้านค้ามีนัดกันบนแพลตฟอร์ม E-Marketplace เพราะทางแพลตฟอร์มต่างแข่งกันแจกโค้ดลดกันแบบจัดเต็ม ทำให้สำหรับลูกค้าแล้วการซื้อสินค้าในวันนี้อาจคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด แม้ระหว่างเดือนจะถูกใจสินค้าชิ้นไหนอยู่ ก็ทำได้แค่กดใส่ตะกร้าไว้ แล้วมาชำระเงินในวันที่แพลตฟอร์มแจกโค้ดส่วนลด ถึงขนาดแต่งตั้งให้เป็นวัน Pay Day ดังนั้นการเข้าร่วมแคมเปญ Double Digit ก็อาจจะเป็นอีกกลยุทธ์ที่ธุรกิจออนไลน์สามารถเพิ่มยอดขายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีได้

 

9. ให้ค่านายหน้าผ่าน Affiliate Marketing

ใคร ๆ ก็บอกว่าการตลาดแบบปากต่อปากได้ผลดีและสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้รวดเร็ว แต่ธุรกิจจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดการบอกปากต่อปากได้เมื่อไหร่ เพราะแบบนั้นเอง จึงเกิดการตลาดอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Affiliate Marketing ซึ่งจะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อได้ไวขึ้น ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าของเราสามารถรีวิวสินค้าและนำลิงก์สินค้าไปแปะบนโซเชียลมีเดียของตัวเอง เพื่อรับรายได้จากการรีวิวได้ โดยส่วนแบ่งรายได้จะเกิดขึ้นเมื่อมีคนกดลิงก์และซื้อสินค้าจากลิงก์ของเราที่เอาไปแปะบนโซเชียลมีเดียของเราช่องทางต่าง ๆ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตามแต่ร้านค้ากำหนด ซึ่งปัจจุบันหลายธุรกิจ และหลายแพลตฟอร์ม ต่างก็มี Affiliate Program นี้เพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อขายบนแพลตฟอร์มมากขึ้น ทำให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์และนักรีวิวทั้งหลาย หันมารีวิวสินค้าและแปะลิงก์สินค้าให้ผู้ติดตามไปชอปปิงตาม ๆ กัน ดังนั้น เราในฐานะร้านค้า หรือธุรกิจออนไลน์เอง ก็อย่าลืมคำนวณส่วนแบ่งรายได้ให้กับ Affiliate Program นี้ด้วย และยิ่งแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้มาก ก็มีโอกาสที่จะเกิดการบอกต่อได้มากเช่นกัน

 

10. สร้างความประทับใจด้วย Customer Service

แม้ทุกวันนี้ร้านค้าออนไลน์ต่างก็หันมาใช้บริการ Chatbots หรือการตอบกลับอัตโนมัติ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดทรัพยากรในการตอบคำถาม แต่ลูกค้าหลายคนก็สบายใจมากกว่าที่จะคุยกับแอดมินหรือทีมงานจริง ๆ ในการให้ข้อมูลสินค้า ดังนั้นธุรกิจควรให้ความสำคัญกับ Customer Service ตอบคำถามด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็ว และใส่ใจ เพราะถึงแม้ลูกค้าจะชอบสินค้าราคาถูก แต่ถ้าไปเจอร้านที่ไม่พร้อมให้บริการ ลูกค้าก็ยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อจะได้รับการบริการที่ดีขึ้น และสามารถกลับมาหาเราได้เสมอ

 

สรุป

สิ่งสำคัญนอกจาก 10 วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์สำหรับทุกธุรกิจที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ คือ การปรับตัวให้เร็ว ทันโลก  ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ เพราะทุกวันนี้มีกลยุทธ์ในการขายเกิดขึ้นมากมาย มีคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ดึงความสนใจจากลูกค้าในทุก ๆ วัน นักการตลาดหรือนักธุรกิจอย่างเรา ต่างก็ต้องเรียนรู้ อัปเดตเทรนด์ และปรับตัวกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ในทุก ๆ วัน เพื่อไม่ให้เราสะดุดจนตามธุรกิจอื่นไม่ทัน

 

ต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้าน Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


บทความที่เกี่ยวข้อง

RMF Model

RFM Model คืออะไร? ทำไมการแบ่งกลุ่มลูกค้าถึงสำคัญ

Personal Branding

Personal Branding คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจ

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้