Google Ads คือ หนึ่งในช่องทางโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้โฆษณาใน Social Media ดูได้จากผลสำรวจของ WebFX ที่ยืนยันว่ากว่า 80% ของภาคธุรกิจบนโลกเชื่อมั่นใน Google Ads หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจจะโปรโมทธุรกิจผ่านช่องทางนี้ Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress ยินดีแบ่งปันความรู้พื้นฐาน พร้อมเทคนิค ลงโฆษณา Google ให้ประสบความสำเร็จ มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน!
ทำความรู้จัก Google Ads หรือ Google Adwords
Google Ads หรือ Google Adwords คือ การโปรโมทสินค้าและบริการออนไลน์บนหน้า Google Search, Youtube รวมถึงเว็บไซต์อื่น ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้งาน Google Ads สามารถกำหนดได้ว่าอยากให้โฆษณาปรากฏที่ใด เช่น บนหน้า Google Search ที่ต้องรอให้คน Search คำค้นหาตรงกับ Keyword ที่กำหนดไว้ โฆษณาจึงจะปรากฏขึ้น หรือบน Display Network (GDN) ซึ่งจะเป็น Banner โฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั้งนี้ การชำระค่าโฆษณา Google Ads จะอยู่ในลักษณะการประมูล (Bidding) ซึ่งหมายถึง ผู้ที่จ่ายค่าโฆษณาสูงที่สุดจะได้สิทธิ์โฆษณาก่อน นั่นเอง
เทคนิคลงโฆษณา Google รู้ไว้ ใช้ได้จริง!
1. พยายามใช้ Keyword ที่จำเพาะเจาะจง
ลักษณะพิเศษของการลงโฆษณาบน Google คือการประมูลมูลค่าของคำโฆษณา หรือ Keyword ดังนั้น หากคุณเลือกใช้ Keyword ที่มีความหมายกว้างและครอบคลุมเกินไป คุณอาจจะต้องทุ่มงบโฆษณาเป็นจำนวนมาก เพื่อประมูลราคาแข่งขันกับธุรกิจมากมายที่ใช้ Keyword เดียวกัน
ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้ามือสองจากประเทศญี่ปุ่น และคุณเลือกใช้ Keyword ที่กว้างมาก ๆ อย่าง “เสื้อผ้า”, “เครื่องแต่งกาย” หรือ “สินค้าญี่ปุ่น” คุณก็อาจจะต้องทุ่มงบโฆษณาเพื่อประมูลราคาของ Keyword เหล่านี้แข่งกับธุรกิจเสื้อผ้าอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้าในประเทศไทย เสื้อผ้าเกาหลี หรืออุตสาหกรรมรับผลิตเสื้อผ้า ซึ่งแม้จะประมูลสำเร็จจนได้พื้นที่โฆษณา แต่ก็เป็นไปได้ว่าคนที่มองเห็นโฆษณาอาจไม่ใช่กลุ่ม Target ที่คุณต้องการ ทำให้คุณต้องสิ้นเปลืองงบโฆษณาไปโดยใช่เหตุ
ดังนั้น เราแนะนำให้เลือกใช้ Keyword ที่จำเพาะเจาะจง ตรงกลุ่มเป้าหมาย และพยายามเลือกใช้ Selling Keyword เพิ่มเติม เช่น “ขายส่งเสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง”, “ขายเสื้อญี่ปุ่นมือสอง เกรด A” หรือ “นำเข้าเสื้อผ้าญี่ปุ่น” เป็นต้น
ที่มา: linear
2. อย่าลืมกำหนด Keyword Match Type
Keyword Match Type คือ รูปแบบการจัดประเภท Keyword ของ Google Ads ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคลงโฆษณา Google ที่มีประสิทธิภาพ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้
2.1 Broad Match
หมายถึง Keyword ที่ทำงานแบบกว้าง แม้ว่าผู้ใช้งานจะ Search คำค้นหาไม่ตรงกับคำที่กำหนดไว้ 100% แต่หากเป็นคำที่ใกล้เคียงกัน โฆษณาก็จะยังแสดงผลได้ เช่น หากคุณกำหนด Broad Match Keyword ว่า เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง ผู้ใช้งานที่ Search คำว่า เสื้อผ้าญี่ปุ่น, เสื้อญี่ปุ่นมือสอง, เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง หรือ เสื้อผ้าญปมือ 2 ก็มีโอกาสจะเห็นโฆษณาของคุณได้
2.2 Phrase Match
หมายถึง Keyword ที่เป็นวลีหรือประโยค ที่มีขอบเขตการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น กล่าวคือ ไม่ว่าผู้ใช้งานจะ Search คำว่าอะไร แต่ถ้ามี Keyword ของเราเป็นส่วนประกอบด้วย หรือต้องการค้นหาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน โฆษณาก็จะแสดงผล เช่น หากคุณกำหนด Phrase Match Keyword ว่า “เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง” ผู้ใช้งานที่ Search คำว่า ขายเสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง, เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง นำเข้า หรือ เสื้อผ้าญี่ปุ่น มือสอง ลดราคา ก็มีโอกาสจะเห็นโฆษณาของคุณ ทั้งนี้ การใช้งาน Phrase Match Keyword จะต้องใส่เครื่องหมาย “…” ไว้ที่คำ ๆ นั้นเสมอ
2.3 Exact Match
หมายถึง Keyword ที่ทำงานแบบเจาะจง โฆษณาจะปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งาน Search คำค้นหาตรงคำ 100% หรือมีความหมายเหมือนกันเท่านั้น เช่น หากคุณกำหนด Exact Match Keyword ว่า [เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง] ผู้ใช้งานที่ Search คำว่า เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือ 2 หรือ เสื้อผ้ามือสองญี่ปุ่น ก็อาจเห็นโฆษณาของคุณได้ ทั้งนี้ การใช้งาน Exact Match Keyword จะต้องใส่เครื่องหมาย […] ครอบคำ ๆ นั้นไว้เสมอ
2.4 Negative Keyword
หมายถึง Keyword ที่เรากำหนดไว้ เพื่อไม่ให้โฆษณาปรากฏขึ้นเมื่อมีคน Search คำค้นหานั้น ๆ เนื่องจากบาง Keyword ก็อาจคล้ายคลึงหรือเกี่ยวโยงกับสินค้าและบริการของคุณ แต่อาจไม่ตรงตามเป้าหมาย ทำให้คุณต้องเสียค่าโฆษณาไปฟรี ๆ เช่น หากสินค้าของคุณคือ เสื้อผ้าญี่ปุ่นมือสอง คุณอาจกำหนด Negative Keyword เป็น -วิธีดูแลเสื้อผ้าญี่ปุ่น หรือ -วิธีดูแลเสื้อผ้ามือสอง เนื่องจากคนที่ Search คำเหล่านี้ไม่ได้จะหาซื้อสินค้า แต่ต้องการศึกษาวิธีดูแลเสื้อผ้า และเมื่อคุณต้องการใช้งาน Negative Keyword อย่าลืมใส่เครื่องหมาย – ไว้หน้าคำที่ต้องการทุกครั้ง
ที่มา: practicalecommerce
3. ใส่ Keyword ไว้ในคำโฆษณาด้วย
เมื่อคุณเลือกลงโฆษณาโดยให้แสดงผลบน Google Search ระบบจะให้คุณคิด Headline 15 แบบ และ Description อีก 4 แบบ เพื่อสลับกันแสดงผลบน Google ซึ่งในขั้นตอนนี้จะมีการให้คะแนนคุณภาพ (Quality Score) ด้วย หากคุณคิด Headline และ Description โดยไม่ลืมที่จะใส่ Keyword ลงไปในนั้น ระบบจะเพิ่มค่าคะแนนคุณภาพให้กับคุณ อย่างไรก็ดี แม้ผู้ใช้งาน Google Ads จำนวนมากจะไม่เห็นความสำคัญของค่าคะแนนคุณภาพ แต่อันที่จริงแล้วสิ่งนี้คือปัจจัยที่คอยกำหนดว่า โฆษณาของคุณมีคุณภาพแค่ไหน และควรแสดงผลอยู่ในอันดับที่เท่าใด
4. หลีกเลี่ยงการทุ่มงบสูงสุดตั้งแต่เริ่มโฆษณา
การกำหนดงบประมาณตอนประมูลคำโฆษณา เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากมักต้องการให้โฆษณาบน Google Ads แสดงผลทันที จึงทุ่มงบประมาณมหาศาลตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งการทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณต้องจ่ายค่าโฆษราสูงขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่คุณควรทำ คือการค่อย ๆ เริ่มประมูลจากราคาต่ำ ๆ จนเห็นโฆษณาค่อย ๆ ติดบนหน้าการค้นหาจนถึงระดับที่พอใจ แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มงบโฆษณาในภายหลัง
5. พัฒนาหน้า Landing Page ใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น
การให้ความสำคัญกับปลายทางอย่างหน้า Landing Page ซึ่งเป็นด่านล่าสุดที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจว่าจะกดสั่งซื้อสินค้าดีหรือไม่ และหลายครั้งที่ธุรกิจทำพลาดในด่านสุดท้ายนี้ เพราะหน้าเว็บไซต์มีปุ่ม รูปภาพ หรือข้อความที่ไม่จำเป็นมากมาย ชวนให้ผู้ใช้งานสับสนและเบื่อหน่าย ดังนั้น นอกจากจะสมัครใช้งาน Google Ads แล้ว คุณจึงควรปรับปรุงหน้า Landing Page ใหม่ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น มีปุ่มและรูปภาพพอประมาณ มีข้อความที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ที่สำคัญ! อย่าลืมใส่ Keyword ที่เกี่ยวกับธุรกิจของคุณลงในหน้า Landing Page ด้วย จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น!
ที่มา: Business 2 Community
สรุปแล้วเทคนิค ลงโฆษณา Google Ads ให้ได้ผล ไม่ใช่การทุ่มงบประมาณลงไปเป็นจำนวนมาก แต่เป็นการวางแผนงบประมาณให้เหมาะสม และเรียนรู้บทบาทของ Keyword ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Key Success Factor สำหรับการทำ Google Ads อย่างไรก็ตามโฆษณาออนไลน์ทุกช่องทางย่อมมีโอกาสเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ตลอดเวลา คุณจึงควรหมั่นอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ และนำมาปรับใช้อยู่เสมอหรือจ้างบริษัทรับทำ Google Ads เพื่อผลลัพธ์ในการโฆษณาที่ดีที่สุด
หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–
ขอบคุณข้อมูลจาก: