click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

หากย้อนกลับไปสักประมาณ 20 ปี การตัดสินใจซื้อสินค้าสักชิ้น อาจมาจากโฆษณาที่คุณเคยเห็นในโทรทัศน์จนชินตา หรือได้ฟังสปอตโฆษณาในวิทยุจนชินหู แตกต่างกับในยุคนี้ ที่ผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสื่อออนไลน์ การโฆษณาสินค้าและบริการจึงต้องอยู่บนสื่อออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งช่องทางโฆษณาที่ธุรกิจส่วนใหญ่เลือกใช้ ก็คือ Facebook Ads แพลตฟอร์มยอดนิยมของ Meta ที่สถิติล่าสุดของ Hootsuite รายงานว่า สามารถเข้าถึงคนได้ 2.11 พันล้านคนต่อเดือน หรือประมาณ 72.5 % ของผู้ใช้งานทั่วโลก

 

Facebook Ads คืออะไร?

Facebook Ads คือ พื้นที่โฆษณาสินค้าและบริการบน Facebook ที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ ระดับการศึกษา ที่อยู่ หรือพฤติกรรมการใช้งาน ฯลฯ และยังสามารถเลือกรูปแบบของโฆษณาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ได้อีกด้วย อาทิ โฆษณาแบบโพสต์ วิดีโอ หรือแบบสอบถามเพื่อสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า เป็นต้น อย่างไรก็ดี Facebook Ads คือแพลตฟอร์มที่มีข้อกำหนด เพื่อป้องกันเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อสังคม อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดต่าง ๆ ของโฆษณาใน Facebook

 

คำศัพท์เทคนิคที่จำเป็นต้องรู้บน Facebook Ads

แน่นอนว่า Facebook Ads คือ ช่องทางโฆษณาที่ทุกธุรกิจจะต้องทำความรู้จัก และฝึกใช้งานให้คล่อง เพื่อช่วงชิงพื้นที่การตลาดออนไลน์ร่วมกับธุรกิจอื่น ๆ ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องศึกษาศัพท์เทคนิคสำหรับการยิงโฆษณาใน Facebook ให้เข้าใจ ซึ่ง Cotactic รวบรวมคำศัพท์ที่พบบ่อยมาให้แล้วจำนวนทั้งสิ้น 15 คำศัพท์ ดังนี้ 

 

1.Reach – การมองเห็น

Reach คือ จำนวนบัญชีผู้ใช้ที่มองเห็นโฆษณาบน Facebook Ads ของคุณอย่างน้อย 1 ครั้ง ตลอดอายุของแคมเปญ เช่น คน 3 คน มองเห็นโฆษณา A กันคนละครั้ง ก็จะนับเป็น 3 Reach แต่หากคน ๆ เดียว มองเห็นโฆษณา A หลายครั้ง จะนับเป็นแค่ 1 Reach ทั้งนี้ บัญชีผู้ใช้ที่มองเห็นโฆษณา ไม่จำเป็นต้องเป็นบัญชีที่กดคลิกชมโฆษณาเสมอไป อาจเป็นเพียงการมองเห็นผ่าน ๆ บน Feed ข่าวเท่านั้น

 

2.Impression – การแสดงผล

Impression จะแสดงผลตรงกันข้ามกับ Reach กล่าวคือ Reach นับจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่มองเห็นโฆษณา แต่ Impression จะนับจำนวนครั้งที่โฆษณาแสดงผล โดยไม่เกี่ยงว่าจะแสดงผลให้กับบัญชีผู้ใช้เดิมหรือไม่ เช่น คน 3 คน มองเห็นโฆษณา A กันคนละครั้ง จะนับเป็น 3 Impression และหากคน ๆ เดียว มองเห็นโฆษณา A มากถึง 10 ครั้ง จะนับเป็น 10 Impression ตามจำนวนครั้ง

 

3.Engagement – การมีส่วนร่วม

ในบรรดาศัพท์เทคนิคทั้ง 15 คำ Engagement น่าจะเป็นคำที่คุณได้ยินบ่อยที่สุด แต่อาจจะยังสับสนความหมาย แท้จริงแล้ว Engagement หมายถึงการมีส่วนร่วมกับโพสต์หรือโฆษณาใน Facebook เช่นการ Like การ Comment การ Share ไปจนถึงการคลิกดูรูปหรือวิดีโอ แน่นอนว่าไม่รวมการมองเห็นโพสต์ผ่านหน้า Feed ข่าว แล้วเลื่อนผ่านเท่านั้น

 

4.Campaign – แคมเปญโฆษณา

โครงสร้างแรกสุดของการสร้างโฆษณาใน Facebook มีไว้เพื่อกำหนดว่า วัตถุประสงค์ของการสร้าง Facebook Ads คืออะไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ Awareness (โฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์) Consideration (โฆษณาเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม) และ Conversion (โฆษณาที่ต้องการให้ลูกค้ากระทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น คลิกในเว็บไซต์ หรือขายแค็ตตาล็อก)

 

5.Ad Set – ชุดโฆษณา

โครงสร้างชั้นที่ 2 ของการสร้างโฆษณาบน Facebook Ads ซึ่งจะอยู่ภายใต้แคมเปญโฆษณา โดยใน 1 Campaign มีได้มากกว่า 1 Ad Set แล้วแต่การตั้งค่า สำหรับส่วน Ad Set เองมีไว้เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายจาก เพศ อายุ การศึกษา พฤติกรรม ความสนใจ ฯลฯ รวมทั้งกำหนดรูปแบบโฆษณา ว่าอยากให้ปรากฏบน Feed บน Story หรือวิดีโอ และกำหนดงบประมาณที่ใช้ตลอดการโฆษณาด้วย

 

6.Ad – ชิ้นงานโฆษณา

หัวใจสำคัญของ Facebook Ads คือชิ้นงานโฆษณาที่จะปรากฏบนแพลตฟอร์ม โดยใน 1 Ad Set จะมีได้หลาย Ad ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า ซึ่งในส่วนนี้ คุณสามารถนำโพสต์ที่มีอยู่แล้วบนหน้าเพจมายิงโฆษณา หรือสร้าง Ad ขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้องปรากฏบนหน้าเพจก็ได้เช่นกัน

 

7.Lead Generation – การค้นหาผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า

อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของการสร้าง Facebook Ads คือการค้นหาผู้ที่มีแนวโน้มจะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคต กระบวนการนี้เรียกว่า Lead Generation สำหรับโฆษณาใน Facebook นั้น Lead Generation คือหนึ่งในวัตถุประสงค์ย่อยที่คุณต้องตั้งค่าตอน Create Campaign ก่อนสร้างโฆษณาประเภทแบบฟอร์มสอบถามข้อมูลเบื้องต้น เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เพื่อให้เซลส์ของบริษัทติดต่อกลับ 

 

8.Landing Page – เว็บไซต์เป้าหมาย

Facebook Ads คือ หนึ่งในช่องทางที่จะเพิ่มจำนวนการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถตั้งค่า Landing Page หรือหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ ที่คุณต้องการให้ผู้เยี่ยมชมโฆษณาคลิกเข้าไป โดยทั่วไปหน้าที่ถูกกำหนดให้เป็น Landing Page จะเป็นหน้าเฉพาะของสินค้าและบริการนั้น ๆ เพื่อการตัดสินใจซื้อที่สะดวกและรวดเร็ว 

 

9.Traffic – จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 

หนึ่งในวัตถุประสงค์ย่อยตอน Create Campaign เพื่อสร้างโฆษณาที่เน้นการเพิ่มจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด

 

10.Cost Per Result (CPR) – ต้นทุนต่อผลลัพธ์

Cost Per Result คือ งบประมาณที่ใช้ต่อจำนวนผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ตั้งค่าไว้ในแต่ละแคมเปญ เช่น ต้องการเน้นการมีส่วนร่วม (Engagement) ตัวเลข Cost Per Result ก็จะหมายถึงราคาต่อการกด Like พิมพ์ Comment หรือกด Share 1 ครั้ง เป็นต้น ทั้งนี้ Cost Per Result จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ในบรรดาแคมเปญโฆษณาที่ตั้งค่าวัตถุประสงค์เดียวกัน แคมเปญใดมีประสิทธิภาพดีที่สุด (มี Cost Per Result ต่ำที่สุด)

 

11.Cost Per Click (CPC) – ต้นทุนต่อคลิก

Cost Per Click คืองบประมาณที่คุณต้องจ่าย เมื่อมีคนคลิกบนโฆษณา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ CPC (All) หรือจำนวนเงินที่ใช้ต่อจำนวนคลิกทั้งหมดบนโฆษณา และ CPC (Cost Per Link Click) หรือจำนวนเงินที่ใช้ต่อจำนวนคลิกลิงก์ ทั้งนี้ ตัวเลข Cost Per Click มีไว้เพื่อบ่งบอกความน่าสนใจของโฆษณา หากมีคนสนใจโฆษณาเป็นจำนวนมาก ราคา Cost Per Click ก็จะถูกลง ในทางกลับกัน ถ้าคนจำนวนมากเห็นโฆษณา แต่เลือกที่จะเลื่อนผ่าน ราคา Cost Per Click ก็จะสูงขึ้น

 

12.Cost Per 1,000 Impressions (CPM) – ต้นทุนต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง

Cost Per 1,000 Impressions คืออีกหนึ่งตัวเลขที่ใช้วัดความคุ้มค่าของแคมเปญโฆษณาคำนวณโดยนำงบประมาณทั้งหมดที่ใช้ในการโฆษณา หารด้วยจำนวนการแสดงผล แล้วคูณด้วย 1,000 เช่น หากคุณใช้งบประมาณตลอดแคมเปญทั้งสิ้น 5,000 บาท มีคน เห็นโฆษณาของคุณทั้งหมด 10,000 ครั้ง ค่า CPM ของคุณก็คือ 500 เป็นต้น

 

13.Frequency – ความถี่

ความถี่ในการแสดงโฆษณาช่วยสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) และการจดจำ (Brand Recall) โดยทั่วไปค่าความถี่นี้จะคิดจากจำนวนการแสดงผล (Impression) หารด้วยจำนวนบัญชีที่มองเห็นโฆษณา (Reach) ทั้งนี้ จำนวนความถี่จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับงบประมาณ จำนวนกลุ่มเป้าหมาย และระยะเวลาโฆษณา

 

14.Lifetime Budget – งบประมาณตลอดอายุการใช้งาน

ข้อดีของ Facebook Ads คือสามารถกำหนดโครงสร้างงบประมาณเองได้ ซึ่ง Lifetime Budget ก็คือ 1 ใน 2 รูปแบบการกำหนดเงินที่ใช้ซื้อโฆษณาใน Facebook การตั้งงบแบบ Lifetime Budget คือการวางงบทั้งก้อนสำหรับ 1 แคมเปญโฆษณา ข้อดีคือยืดหยุ่นมากกว่าการกำหนดงบประมาณรายวัน (Daily Badget) แต่ข้อเสียก็คือความผันผวนจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ บางวันโฆษณารันได้ดี ก็ใช้งบมาก บางวันไม่ค่อยมีคนมองเห็นโฆษณา ก็ใช้งบน้อย จึงไม่สามารถวางแผนงบแน่นอนได้

 

15.Unique Click – จำนวนผู้ที่คลิกโฆษณา

ศัพท์เทคนิคคำสุดท้าย คือ Unique Click หรือ จำนวนผู้ที่คลิกชมโฆษณาของคุณ โดยไม่นับจำนวนการคลิกซ้ำจากบัญชีผู้ใช้เดิม 

 

แม้ปัจจุบัน Facebook Ads คือหนึ่งในช่องทางโฆษณาที่ทรงอิทธิพลในโลกการตลาดออนไลน์ แต่ก็ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ยังไม่เคยเริ่มจับตลาดผ่านช่องทางนี้ ดังนั้น การเริ่มเรียนรู้เรื่องโฆษณาใน Facebook จึงยังคงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะเป็นการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ แล้ว ยังเป็นโอกาสศึกษาว่า ในบรรดาธุรกิจประเภทเดียวกัน มีธุรกิจใดที่ประสบความสำเร็จบนโลกการตลาดออนไลน์ และคุณจะก้าวไปข้างหน้า เพื่อเติบโตให้ทันพวกเขาได้อย่างไร

 


หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการรับทำเว็บไซต์ WordPress และการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

 

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก:

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

RMF Model

RFM Model คืออะไร? ทำไมการแบ่งกลุ่มลูกค้าถึงสำคัญ

Personal Branding

Personal Branding คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจ

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้