การจะทำเว็บไซต์ให้ขึ้นหน้าแรกของ Google Search ได้ จะต้องทำความเข้าใจระบบประมวลผลหรือ Algorithm ของ Google เสียก่อน นั่นก็คือ E-E-A-T Factor เป็นหลักการที่ Google ใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาว่าบทความไหนสมควรจะได้อยู่หน้าแรกของการค้นหา เพื่อปิดกั้นคอนเทนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ให้ขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหา เป็นการลดปัญหาที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดด้วย ดังนั้น E-E-A-T จึงเป็นเรื่องที่คนทำ SEO มองข้ามไม่ได้เลย เพราะการที่เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกของการค้นหานั่นก็หมายถึงโอกาสที่ผู้อ่านจะเข้าถึงเว็บไซต์มากขึ้น แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะทำเว็บไซต์ให้ตรงหลัก E-E-A-T บทความนี้มีคำตอบ Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ จะพาไปทำความเข้าใจตั้งแต่คำนิยามของ E-E-A-T ไปจนถึงวิธีปรับแก้เว็บไซต์ให้ถูกต้องตามที่ Google กำหนด เพื่อให้เว็บไซต์ถูกมองเห็นได้ง่าย
E-E-A-T Factor คือ
E-E-A-T เป็นหลักเกณฑ์ที่ระบบประมวลผล (Algorithm) ของ Google ใช้ในการประเมินว่าเนื้อหามีคุณภาพหรือไม่ เนื่องจากในอดีตก่อนมี E-E-A-T นั้น คอนเทนต์ใน Google มีจำนวนมหาศาลและไม่ได้มีการวัดคุณภาพของเนื้อหาแต่อย่างใด ทำให้เกิดคอนเทนต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ สร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้อ่านไม่น้อย จึงเกิดการตรวจสอบเนื้อหาขึ้น โดยตอนแรกเป็นหลัก E-A-T ประกอบด้วย Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness ภายหลัง Google ได้เพิ่ม Experience เข้ามาด้วย แล้วองค์ประกอบของ E-E-A-T มีความหมายว่าอะไรกันนั้น มาดูไปพร้อมกันได้เลย
1. Experience (E)
E แรกมาจากคำว่า Experience หรือ ‘ประสบการณ์’ เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนคอนเทนต์โดยตรง Google มองว่าหากเป็นเนื้อหาที่ออกมาจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรงทำให้คอนเทนต์มีความน่าสนใจและน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังสอดแทรกด้วยความคิดเห็นหรือเกร็ดความรู้ที่ผู้ไร้ประสบการณ์ถ่ายทอดออกมาไม่ได้ เช่น การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หากผู้เขียนไปสัมผัสสถานที่จริงมาแล้วก็มีแนวโน้มที่จะเขียนได้สดใหม่และแตกต่างจากเว็บอื่น
2. Expertise (E)
E ที่สองคือ Expertise หรือ ‘ความเชี่ยวชาญ’ เป็นการรู้ลึกรู้จริงของผู้เขียน ส่วนมากจะเป็นประเด็นเฉพาะทาง เช่น การศัลยกรรม, การทำ Digital Marketing เป็นต้น ซึ่งความเชี่ยวชาญต้องอาศัยประสบการณ์การทำงาน การศึกษาในสายงาน ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวจนกลายเป็นความชำนาญนั่นเอง จึงไม่ใช่การเขียนแบบผิวเผิน แต่ต้องตอบคำถามของผู้อ่านแบบเชิงลึกได้ มีสาระครบถ้วน ชัดเจนและอ่านเข้าใจง่าย
3. Authoritativeness (A)
A มาจาก Authoritativeness หรือ ‘ความมีอิทธิพล’ หมายถึงเว็บไซต์หนึ่งที่ได้รับการ Backlink จากเว็บไซต์อื่นที่ทำคอนเทนต์ทิศทางเดียวกันและมีความน่าเชื่อถือ ทาง Google ก็จะพิจารณาว่าเว็บไซต์นั้นมีประสิทธิภาพถึงขั้นที่ว่าเว็บไซต์อื่นนำไปอ้างอิงข้อมูล เช่น หากเราทำเว็บไซต์เรื่อง SEO แล้วมีเว็บไซต์อื่นที่ทำ Digital Marketing หรือ SEO คล้าย ๆ กัน อ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์เรา เว็บไซต์เราก็จะถูกมองว่ามีอิทธิพล ถูกพูดถึง มีความน่าเชื่อถือ
4. Trustworthiness (T)
T ตัวสุดท้ายคือ Trustworthiness หรือ ‘ความน่าเชื่อถือ’ อย่างสุดท้ายเป็นภาพรวมของเว็บไซต์ว่าได้ทำตามหลัก SEO แบบถูกต้องหรือไม่ (SEO สายขาว) เช่น มี Keyword ทั่วบทความ, มี Internal & External Linking, เนื้อหาสดใหม่ ความยาวกำลังดี, มีรูปภาพที่มี Alt Tags, เนื้อหาน่าเชื่อถือหรืออ้างอิงจากประสบการณ์และอื่น ๆ เรียกได้ว่าจะสร้าง Trustworthiness ได้นั้น ต้องมี Experience, Expertise และ Authoritativeness ก่อน เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีนั่นเอง
ทำไม E-E-A-T Factor ถึงมีความสำคัญ
คอนเทนต์ในโลกอินเทอร์เน็ตมีมากมายจนยากที่รู้ว่าเนื้อหาไหนเป็นเนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือ ในอดีตคอนเทนต์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้ขึ้นในหน้า Search Engine Results Page (SERP) หรือหน้าการค้นหา มีโอกาสที่ผู้อ่านจะหลงเชื่อและทำให้เกิดอันตรายตามมา Google จึงคิด E-E-A-T เพื่อคัดกรองให้คอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะได้ขึ้นหน้าแรกของ SERP เพราะมีหลายประเด็นที่เนื้อหาละเอียดอ่อน ผิดพลาดไม่ได้ เช่น การเงิน สุขภาพ กฎหมาย เป็นต้น ความเข้มงวดนี้จึงเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อผู้อ่าน
นอกจาก E-E-A-T จะส่งผลดีต่อผู้อ่านแล้ว ยังส่งผลดีต่อเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วย เพราะมีเกณฑ์วัดชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้บทความขึ้นหน้าแรกของ Google Search ส่งผลต่อการทำ SEO ดังนั้น หากต้องการให้เว็บไซต์ถูกจัดอยู่ในอันดับสูง ๆ ก็ไม่ควรมองข้าม E-E-A-T Factor
ประโยชน์ของ E-E-A-T Factor
E-E-A-T เป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้จัดอันดับบทความที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือขึ้นมาอยู่หน้าแรก ซึ่งองค์ประกอบของ E-E-A-T มีหลายอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของเรา หากทำตามคำแนะนำของ Google ได้สำเร็จ ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับเว็บไซต์ของเราได้ในระยะยาวเลย ประโยชน์ที่ว่านั้นก็คือ
1. สร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์
เนื่องจากหลักการของ E-E-A-T มี Experience, Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness ซึ่งล้วนผลักดันให้ผู้เขียนสร้างสรรค์เนื้อหาที่ให้ความสำคัญกับความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล ทั้งต้องมีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำบทความของเว็บไซต์อื่น เกิดเป็นคอนเทนต์ที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสร้างสรรค์ออกมาให้น่าอ่านและมีประสิทธิภาพ และเมื่อผลิตคอนเทนต์ตามหลัก E-E-A-T อย่างสม่ำเสมอแล้วย่อมส่งผลให้เว็บไซต์ในภาพรวมมีความน่าเชื่อนั่นเอง
2. เพิ่มโอกาสในการติดอันดับ Google
การถูกจัดให้ติดอันดับต้น ๆ ใน Google Search เป็นผลจากการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้ดี เมื่อเว็บไซต์ของเราทำตาม E-E-A-T แล้ว Algorithm ของ Google จะทำการประมวลผลและดึงให้อันดับเว็บไซต์ของเราสูงจนติดหน้าแรกของการค้นหาใน Google ได้ไม่ยาก และนำไปสู่การเพิ่ม Traffic หรือการใช้บริการทางเว็บไซต์มากขึ้น
หลักการปรับปรุงเว็บไซต์ตาม E-E-A-T Factor
E-E-A-T มีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดอันดับบนหน้า Google Search หากต้องการให้เว็บไซต์ขึ้นอยู่หน้าแรกของการค้นหา จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาคอนเทนต์ เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของ Google ที่ต้องการให้ผู้เขียนผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงออกมา แล้วการปรับปรุงเว็บไซต์ทำอย่างไรนั้น เราจะพาไปดู 5 หลักการการพัฒนาเว็บไซต์ตามแบบ E-E-A-T ดังนี้
1. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง
เนื้อหาที่มีคุณภาพสูง Google มักจะพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะถูกจัดอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา โดยอาจเริ่มจากการใส่ข้อมูลของผู้เขียนให้ชัดเจน มีชื่อ ตำแหน่งงาน หรือรูปภาพใส่ไว้เพื่อแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใด และคอนเทนต์ควรเขียนแบบเจาะจงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หัวข้อต้องไม่กว้างเกินไป การลงลึกในเนื้อหาเฉพาะเรื่องแสดงให้เห็นถึงความชำนาญ ที่สำคัญต้องคอยหมั่นอัปเดตบทความให้มีความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และนำเสนอด้วยคำที่เข้าใจง่ายและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่ม Engagement ให้กับบทความได้
2. สร้างความจริงใจ และโปร่งใส
เนื้อหาในบทความจะต้องเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ไม่หลอกลวงผู้อ่านหรือไปคัดลอกมาจากแหล่งอื่น ๆ มีความจริงใจต่อผู้อ่านแสดงออกได้ผ่านบทความที่เขียน เช่น หากเขียนเกี่ยวกับการรีวิวสินค้า ก็ควรที่จะทดลองใช้สินค้าจริง และบอกคุณสมบัติพร้อมรีวิวจริง ไม่โฆษณาสินค้าเกินจริง ความจริงใจและโปร่งใสจะช่วยให้บทความมีเนื้อหาที่แตกต่างและน่าสนใจ ผู้อ่านอ่านแล้วก็จะรู้สึกเชื่อใจเว็บไซต์ของเรา และมีแนวโน้มกลับมาอ่านคอนเทนต์อื่นในเว็บไซต์อีก
3. ใช้แหล่งข้อมูลเชื่อถือได้
การอ้างอิงข้อมูลเป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่น้อย ควรแนบลิงก์ของแหล่งอ้างอิงไว้เสมอเพื่อแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าเนื้อหาของเว็บไซต์ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี ซึ่งอาจอ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ งานวิจัย ช่องทางโซเชียลมีเดียของผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น การอ้างอิงแหล่งข้อมูลแบบนี้นอกจากจะทำให้ผู้อ่านเชื่อมั่นในบทความของเราแล้ว ยังทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์เรามีคุณภาพเช่นเดียวกับเว็บไซต์ที่เราอ้างอิงไปด้วย
4. สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับแบรนด์
สร้าง Brand Awareness ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผ่านการหาจุดเด่น ข้อดี ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการ และนำมาบอกเล่าผ่านเว็บไซต์เพื่อสร้างการรับรู้ที่ดีต่อสังคม รวมทั้งการเตรียมรับมือรีวิวด้านลบ เพราะบางครั้งลูกค้าไม่พอใจในสินค้าหรือบริการ ทางแบรนด์ต้องชี้แจงเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจ ขณะเดียวกับก็เป็นการแสดงให้สังคมเห็นว่าทางแบรนด์ไม่ได้หนีปัญหาที่เกิดขึ้น
5. Backlink คุณภาพ
การที่เว็บไซต์อื่นทำการ Backlink มายังเว็บไซต์ของเราแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์เรามีเนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย อย่างไรก็ตาม Backlink นั้นต้องมาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ โดยจะต้องมีผู้ใช้งานจริงหรือได้รับความนิยม และจะต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความของเราด้วยเช่นกัน
สรุป
E-E-A-T เป็นเกณฑ์ที่ Google คิดขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ว่าบทความไหนมีคุณภาพสูงเหมาะกับการขึ้นหน้าแรกของ Search Engine โดยประกอบด้วย 4 อย่างคือ Experience, Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness เป็น 4 ข้อสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์น่าสนใจและน่าเชื่อถือไปพร้อมกัน โดยการทำ E-E-A-T นั้นต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ระยะหนึ่ง แต่หากทำได้ครบถ้วนตามที่ Google กำหนด แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อเว็บไซต์ในระยะยาว เห็นได้ว่าการทำ E-E-A-T เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ เพราะมีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Search Engine Results Page (SERP) อย่างมากทีเดียว ดังนั้น ต้องรักษามาตรฐานคุณภาพไว้ไม่ให้ตกลงหรือพยายามพัฒนาคอนเทนต์ให้ดูสดใหม่ น่าเชื่อถือ และน่าสนใจอยู่เสมอ
สนใจปรึกษา Cotactic
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์ แต่เข้าไม่ถึงลูกค้าสักที และไม่ติดอันดับ Google อย่าปิดกั้นโอกาสทางธุรกิจของคุณ เพราะการทำ SEO จะพาธุรกิจของคุณไปได้ไกลกว่าเดิมและประหยัดค่าโฆษณาได้ในระยะยาวอีกด้วย
ลองให้ Cotactic Media บริษัทรับทำ SEO ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์กว่า 8 ปี คอยเป็นผู้ช่วยคุณเพิ่มความมั่นใจในทุกความท้าทายทางธุรกิจ เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดและสร้างยอดขายไปพร้อมกัน ช่วยคุณต่อสู้กับคู่แข่งในแบบฉบับของคุณ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้แบรนด์คุณเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ติดต่อขอรับคำปรึกษากลยุทธ์การตลาดออนไลน์กับ Cotactic ได้ก่อนตัดสินใจรับบริการ เพียงกรอกข้อมูลเพื่อให้เรารับทราบโจทย์ของคุณ คลิกที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 065 095 9544
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–
ขอบคุณข้อมูลจาก
- https://www.searchenginejournal.com/google-e-e-a-t-how-to-demonstrate-first-hand-experience/474446/
- https://backlinko.com/google-e-e-a-t
- https://www.semrush.com/blog/eat-and-ymyl-new-google-search-guidelines-acronyms-of-quality-content/
- https://moz.com/learn/seo/google-eat
- https://www.portent.com/blog/seo/what-is-googles-e-a-t-why-is-it-important-for-seo.htm
- https://digitalmarketinginstitute.com/blog/a-guide-to-google-e-e-a-t