click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

การจะทำเว็บไซต์ให้ขึ้นหน้าแรกของ Google Search ได้ จะต้องทำความเข้าใจระบบประมวลผลหรือ Algorithm ของ Google เสียก่อน นั่นก็คือ E-E-A-T Factor เป็นหลักการที่ Google ใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาว่าบทความไหนสมควรจะได้อยู่หน้าแรกของการค้นหา เพื่อปิดกั้นคอนเทนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ให้ขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหา เป็นการลดปัญหาที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดด้วย ดังนั้น E-E-A-T จึงเป็นเรื่องที่คนทำ SEO มองข้ามไม่ได้เลย เพราะการที่เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกของการค้นหานั่นก็หมายถึงโอกาสที่ผู้อ่านจะเข้าถึงเว็บไซต์มากขึ้น แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะทำเว็บไซต์ให้ตรงหลัก E-E-A-T บทความนี้มีคำตอบ Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ จะพาไปทำความเข้าใจตั้งแต่คำนิยามของ E-E-A-T ไปจนถึงวิธีปรับแก้เว็บไซต์ให้ถูกต้องตามที่ Google กำหนด เพื่อให้เว็บไซต์ถูกมองเห็นได้ง่าย

E-E-A-T Factor คือ

Image5

E-E-A-T เป็นหลักเกณฑ์ที่ระบบประมวลผล (Algorithm) ของ Google ใช้ในการประเมินว่าเนื้อหามีคุณภาพหรือไม่ เนื่องจากในอดีตก่อนมี E-E-A-T นั้น คอนเทนต์ใน Google มีจำนวนมหาศาลและไม่ได้มีการวัดคุณภาพของเนื้อหาแต่อย่างใด ทำให้เกิดคอนเทนต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ สร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้อ่านไม่น้อย จึงเกิดการตรวจสอบเนื้อหาขึ้น โดยตอนแรกเป็นหลัก E-A-T ประกอบด้วย Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness ภายหลัง Google ได้เพิ่ม Experience เข้ามาด้วย แล้วองค์ประกอบของ E-E-A-T มีความหมายว่าอะไรกันนั้น มาดูไปพร้อมกันได้เลย

1. Experience (E)

E แรกมาจากคำว่า Experience หรือ ‘ประสบการณ์’ เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนคอนเทนต์โดยตรง Google มองว่าหากเป็นเนื้อหาที่ออกมาจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรงทำให้คอนเทนต์มีความน่าสนใจและน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังสอดแทรกด้วยความคิดเห็นหรือเกร็ดความรู้ที่ผู้ไร้ประสบการณ์ถ่ายทอดออกมาไม่ได้  เช่น การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หากผู้เขียนไปสัมผัสสถานที่จริงมาแล้วก็มีแนวโน้มที่จะเขียนได้สดใหม่และแตกต่างจากเว็บอื่น

2. Expertise (E)

E ที่สองคือ Expertise หรือ ‘ความเชี่ยวชาญ’ เป็นการรู้ลึกรู้จริงของผู้เขียน ส่วนมากจะเป็นประเด็นเฉพาะทาง เช่น การศัลยกรรม, การทำ Digital Marketing เป็นต้น ซึ่งความเชี่ยวชาญต้องอาศัยประสบการณ์การทำงาน การศึกษาในสายงาน ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวจนกลายเป็นความชำนาญนั่นเอง จึงไม่ใช่การเขียนแบบผิวเผิน แต่ต้องตอบคำถามของผู้อ่านแบบเชิงลึกได้ มีสาระครบถ้วน ชัดเจนและอ่านเข้าใจง่าย

3. Authoritativeness (A)

A มาจาก Authoritativeness หรือ ‘ความมีอิทธิพล’ หมายถึงเว็บไซต์หนึ่งที่ได้รับการ Backlink จากเว็บไซต์อื่นที่ทำคอนเทนต์ทิศทางเดียวกันและมีความน่าเชื่อถือ ทาง Google ก็จะพิจารณาว่าเว็บไซต์นั้นมีประสิทธิภาพถึงขั้นที่ว่าเว็บไซต์อื่นนำไปอ้างอิงข้อมูล เช่น หากเราทำเว็บไซต์เรื่อง SEO แล้วมีเว็บไซต์อื่นที่ทำ Digital Marketing หรือ SEO คล้าย ๆ กัน อ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์เรา เว็บไซต์เราก็จะถูกมองว่ามีอิทธิพล ถูกพูดถึง มีความน่าเชื่อถือ

4. Trustworthiness (T)

T ตัวสุดท้ายคือ Trustworthiness หรือ ‘ความน่าเชื่อถือ’ อย่างสุดท้ายเป็นภาพรวมของเว็บไซต์ว่าได้ทำตามหลัก SEO แบบถูกต้องหรือไม่ (SEO สายขาว) เช่น มี Keyword ทั่วบทความ, มี Internal & External Linking, เนื้อหาสดใหม่ ความยาวกำลังดี, มีรูปภาพที่มี Alt Tags, เนื้อหาน่าเชื่อถือหรืออ้างอิงจากประสบการณ์และอื่น ๆ เรียกได้ว่าจะสร้าง Trustworthiness ได้นั้น ต้องมี Experience, Expertise และ Authoritativeness ก่อน เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีนั่นเอง

ทำไม E-E-A-T Factor ถึงมีความสำคัญ

Image2

คอนเทนต์ในโลกอินเทอร์เน็ตมีมากมายจนยากที่รู้ว่าเนื้อหาไหนเป็นเนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือ ในอดีตคอนเทนต์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้ขึ้นในหน้า Search Engine Results Page (SERP) หรือหน้าการค้นหา มีโอกาสที่ผู้อ่านจะหลงเชื่อและทำให้เกิดอันตรายตามมา Google จึงคิด E-E-A-T เพื่อคัดกรองให้คอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะได้ขึ้นหน้าแรกของ SERP เพราะมีหลายประเด็นที่เนื้อหาละเอียดอ่อน ผิดพลาดไม่ได้ เช่น การเงิน สุขภาพ กฎหมาย เป็นต้น ความเข้มงวดนี้จึงเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อผู้อ่าน

นอกจาก E-E-A-T จะส่งผลดีต่อผู้อ่านแล้ว ยังส่งผลดีต่อเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วย เพราะมีเกณฑ์วัดชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้บทความขึ้นหน้าแรกของ Google Search ส่งผลต่อการทำ SEO ดังนั้น หากต้องการให้เว็บไซต์ถูกจัดอยู่ในอันดับสูง ๆ ก็ไม่ควรมองข้าม E-E-A-T Factor

ประโยชน์ของ E-E-A-T Factor

Image1

E-E-A-T เป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้จัดอันดับบทความที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือขึ้นมาอยู่หน้าแรก ซึ่งองค์ประกอบของ E-E-A-T มีหลายอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของเรา หากทำตามคำแนะนำของ Google ได้สำเร็จ ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับเว็บไซต์ของเราได้ในระยะยาวเลย  ประโยชน์ที่ว่านั้นก็คือ

1. สร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์

เนื่องจากหลักการของ E-E-A-T มี Experience, Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness ซึ่งล้วนผลักดันให้ผู้เขียนสร้างสรรค์เนื้อหาที่ให้ความสำคัญกับความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล ทั้งต้องมีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำบทความของเว็บไซต์อื่น เกิดเป็นคอนเทนต์ที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสร้างสรรค์ออกมาให้น่าอ่านและมีประสิทธิภาพ และเมื่อผลิตคอนเทนต์ตามหลัก E-E-A-T อย่างสม่ำเสมอแล้วย่อมส่งผลให้เว็บไซต์ในภาพรวมมีความน่าเชื่อนั่นเอง

2. เพิ่มโอกาสในการติดอันดับ Google

การถูกจัดให้ติดอันดับต้น ๆ ใน Google Search เป็นผลจากการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้ดี เมื่อเว็บไซต์ของเราทำตาม E-E-A-T แล้ว Algorithm ของ Google จะทำการประมวลผลและดึงให้อันดับเว็บไซต์ของเราสูงจนติดหน้าแรกของการค้นหาใน Google ได้ไม่ยาก และนำไปสู่การเพิ่ม Traffic หรือการใช้บริการทางเว็บไซต์มากขึ้น

หลักการปรับปรุงเว็บไซต์ตาม E-E-A-T Factor

Image3

E-E-A-T มีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดอันดับบนหน้า Google Search หากต้องการให้เว็บไซต์ขึ้นอยู่หน้าแรกของการค้นหา จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาคอนเทนต์ เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของ Google ที่ต้องการให้ผู้เขียนผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงออกมา แล้วการปรับปรุงเว็บไซต์ทำอย่างไรนั้น เราจะพาไปดู 5 หลักการการพัฒนาเว็บไซต์ตามแบบ E-E-A-T ดังนี้

1. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง

เนื้อหาที่มีคุณภาพสูง Google มักจะพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะถูกจัดอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา โดยอาจเริ่มจากการใส่ข้อมูลของผู้เขียนให้ชัดเจน มีชื่อ ตำแหน่งงาน หรือรูปภาพใส่ไว้เพื่อแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใด และคอนเทนต์ควรเขียนแบบเจาะจงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หัวข้อต้องไม่กว้างเกินไป การลงลึกในเนื้อหาเฉพาะเรื่องแสดงให้เห็นถึงความชำนาญ ที่สำคัญต้องคอยหมั่นอัปเดตบทความให้มีความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และนำเสนอด้วยคำที่เข้าใจง่ายและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่ม Engagement ให้กับบทความได้

2. สร้างความจริงใจ และโปร่งใส

เนื้อหาในบทความจะต้องเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ไม่หลอกลวงผู้อ่านหรือไปคัดลอกมาจากแหล่งอื่น ๆ มีความจริงใจต่อผู้อ่านแสดงออกได้ผ่านบทความที่เขียน เช่น หากเขียนเกี่ยวกับการรีวิวสินค้า ก็ควรที่จะทดลองใช้สินค้าจริง และบอกคุณสมบัติพร้อมรีวิวจริง ไม่โฆษณาสินค้าเกินจริง ความจริงใจและโปร่งใสจะช่วยให้บทความมีเนื้อหาที่แตกต่างและน่าสนใจ ผู้อ่านอ่านแล้วก็จะรู้สึกเชื่อใจเว็บไซต์ของเรา และมีแนวโน้มกลับมาอ่านคอนเทนต์อื่นในเว็บไซต์อีก

3. ใช้แหล่งข้อมูลเชื่อถือได้

การอ้างอิงข้อมูลเป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่น้อย ควรแนบลิงก์ของแหล่งอ้างอิงไว้เสมอเพื่อแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าเนื้อหาของเว็บไซต์ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี ซึ่งอาจอ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ งานวิจัย ช่องทางโซเชียลมีเดียของผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น การอ้างอิงแหล่งข้อมูลแบบนี้นอกจากจะทำให้ผู้อ่านเชื่อมั่นในบทความของเราแล้ว ยังทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์เรามีคุณภาพเช่นเดียวกับเว็บไซต์ที่เราอ้างอิงไปด้วย

4. สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับแบรนด์

สร้าง Brand Awareness ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผ่านการหาจุดเด่น ข้อดี ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการ และนำมาบอกเล่าผ่านเว็บไซต์เพื่อสร้างการรับรู้ที่ดีต่อสังคม รวมทั้งการเตรียมรับมือรีวิวด้านลบ เพราะบางครั้งลูกค้าไม่พอใจในสินค้าหรือบริการ ทางแบรนด์ต้องชี้แจงเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจ ขณะเดียวกับก็เป็นการแสดงให้สังคมเห็นว่าทางแบรนด์ไม่ได้หนีปัญหาที่เกิดขึ้น

5. Backlink คุณภาพ

การที่เว็บไซต์อื่นทำการ Backlink มายังเว็บไซต์ของเราแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์เรามีเนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย อย่างไรก็ตาม Backlink นั้นต้องมาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ โดยจะต้องมีผู้ใช้งานจริงหรือได้รับความนิยม และจะต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความของเราด้วยเช่นกัน

สรุป

E-E-A-T เป็นเกณฑ์ที่ Google คิดขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ว่าบทความไหนมีคุณภาพสูงเหมาะกับการขึ้นหน้าแรกของ Search Engine โดยประกอบด้วย 4 อย่างคือ Experience, Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness เป็น 4 ข้อสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์น่าสนใจและน่าเชื่อถือไปพร้อมกัน โดยการทำ E-E-A-T นั้นต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ระยะหนึ่ง แต่หากทำได้ครบถ้วนตามที่ Google กำหนด แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อเว็บไซต์ในระยะยาว เห็นได้ว่าการทำ  E-E-A-T เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ เพราะมีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Search Engine Results Page (SERP) อย่างมากทีเดียว ดังนั้น ต้องรักษามาตรฐานคุณภาพไว้ไม่ให้ตกลงหรือพยายามพัฒนาคอนเทนต์ให้ดูสดใหม่ น่าเชื่อถือ และน่าสนใจอยู่เสมอ

สนใจปรึกษา Cotactic

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์ แต่เข้าไม่ถึงลูกค้าสักที และไม่ติดอันดับ Google อย่าปิดกั้นโอกาสทางธุรกิจของคุณ เพราะการทำ SEO จะพาธุรกิจของคุณไปได้ไกลกว่าเดิมและประหยัดค่าโฆษณาได้ในระยะยาวอีกด้วย

ลองให้ Cotactic Media บริษัทรับทำ SEO ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์กว่า 8 ปี คอยเป็นผู้ช่วยคุณเพิ่มความมั่นใจในทุกความท้าทายทางธุรกิจ เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดและสร้างยอดขายไปพร้อมกัน ช่วยคุณต่อสู้กับคู่แข่งในแบบฉบับของคุณ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้แบรนด์คุณเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ติดต่อขอรับคำปรึกษากลยุทธ์การตลาดออนไลน์กับ Cotactic ได้ก่อนตัดสินใจรับบริการ เพียงกรอกข้อมูลเพื่อให้เรารับทราบโจทย์ของคุณ คลิกที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 065 095 9544

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก

บทความที่เกี่ยวข้อง

อัปเดต 15 เครื่องมือทำ SEO ปี 2024

SEO Tools อัปเดต 10 เครื่องมือทำ SEO ปี 2024

อาชีพ SEO Specialist อาชีพนี้มีหน้าที่ทำอะไรและต้องมีทักษะอะไรบ้าง

อาชีพ SEO Specialist คืออะไร? ต้องมีทักษะอะไรบ้าง

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้