วิธีหาลูกค้าใหม่ สำหรับผู้ประกอบการหรือ กลุ่มธุรกิจ Start-up ที่เพิ่งลงสนามการตลาดเป็นครั้งแรก ทรัพยากรด้านเงินทุนหรือบุคลากรอาจจะยังไม่มาก แต่ก็ต้องหาหนทางในการเจาะตลาดให้อยู่หมัดพร้อมกับเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ไปด้วย
ส่วนธุรกิจไหนที่ดำเนินการมาได้สักระยะหนึ่งแล้วพอจะมีฐานลูกค้าอยู่บ้าง ในบทความนี้ผมขอแนะนำ วิธีหาลูกค้าใหม่ ด้วยงบไม่กี่พัน – หมื่นนิด ๆ พร้อมแล้วเรามาลุยกันเลยครับ
1. Retargeting / Remarketing เอาลูกค้าเก่ามาเป็นลูกค้าใหม่
วิธีหาลูกค้าใหม่ วิธีที่หนึ่ง เมื่อฐานธุรกิจของเราขยายออกไปได้ประมาณนึงแล้ว เริ่มมีกลุ่มลูกค้าติดต่อเข้ามาซื้อขายบ้างทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ แต่ก็ต้องไม่ลืมกลุ่มฐานลูกค้าเก่าของเราด้วย ฉะนั้นการทำ Retargeting จะสามารถช่วยให้เรารักษาฐานลูกค้าไว้ได้มากโขเลยทีเดียว
การ Retargeting คือการกระตุ้นลูกค้าที่เคยซื้อหรือทดลองสินค้าของเราแล้ว ไม่ว่าจะทั้งบนเว็บไซต์หรือหน้าร้านก็ดี ให้ลูกค้าได้เห็นโฆษณาของเราบ่อย ๆ จนสามารถจดจำสินค้า / บริการของเราได้ (Brand Awareness) จนตัดสินใจอยากกลับมาซื้อสินค้าของเราอีกครั้ง (Retention) ซึ่งการทำ Retargeting ของลูกค้าเก่าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ขึ้นอยู่กับพื้นเพเดิมของลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่าง ลูกค้าที่เคยกดเข้ามาหน้าเว็บไซต์ของเรา แต่กลับกดออกเพราะไม่พอใจในราคาสินค้า โจทย์นี้เราสามารถเสนอเป็นโปรโมชั่นลดราคารายเดือนให้กับลูกค้าท่านเดิมได้ หรืออีกกรณีคือ ลูกค้าซื้อสินค้าของเราไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อสินค้าชิ้นเดิมซ้ำ เราอาจจะเสนอเป็นสินค้าเสริมต่อจากสินค้าที่เคยซื้อไปแล้วก็ได้ เห็นไหมล่ะครับว่า “ความเข้าใจลูกค้าในแต่ละกลุ่ม” มีไม่เหมือนกัน ดังนั้นการทำ Retargeting ให้ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มีประสิทธิภาพ จึงเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
แต่ถ้าคุณมีคำถามว่าทำไมต้องทำ Retargeting ก่อน หัวข้อต่อไปมีคำตอบให้ครับ
2. รักษาฐานลูกค้าเดิม หาลูกค้าใหม่จากลูกค้าเก่า
สืบเนื่องจากข้อแรก เพราะการหาลูกค้าใหม่ใช้ต้นทุนแพงกว่าการขายให้ลูกค้าเก่าถึง 7 เท่า ผลการวิจัยจาก Linkedin ระบุว่า การทำให้ลูกค้าเก่าหันกลับมาซื้อซ้ำเพียง 5 % สามารถสร้างผลกำไรให้บริษัทได้ถึง 75% ของรายได้
และหากคาดคะเนผลกำไรในอนาคต กว่า 80% ของผลกำไรอาจมาจากกลุ่มลูกค้าเก่าเพียง 20% เท่านั้น! เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า การรักษาฐานลูกค้าดั้งเดิมไว้ได้เป็นอะไรที่ทรงพลังมาก ฉะนั้นผมขอแนะนำอีกเทคนิคการตลาดที่มีอายุยืนยาวที่สุดของโลกและเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ดีที่สุดนั่นก็คือ “การตลาดแบบบอกต่อ”
การตลาดแบบบอกต่อ (Word of Mouth Marketing หรือ Viral Marketing) เป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุดและได้ผลมากวิธีหนึ่ง แถมยังมีประวัติมายาวนานนับตั้งแต่สมัยมนุษย์เริ่มรู้จักภาษาและการทำการค้ายุคแรก ๆ เป็นการสื่อสารระหว่างผู้บริโภคด้วยกันเองหรือที่คนไทยรู้จักกันว่า “การเม้ามอย หรือการรีวิว” นั่นแหละ ตัวอย่างธุรกิจที่ได้ผลตอบรับที่ดีมากจากการทำธุรกิจนี้คือ “ร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง” ที่ใครผ่านเป็นต้องแวะ ซึ่งผมเองก็แวะเหมือนกันครับ ฮ่า ซึ่งร้านนี้ใช้หลักการที่ดีมาก ๆ ในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่นั่นก็คือ
- ดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ
- มีสินค้าหลากหลายที่เจ้าอื่นไม่มี คับแน่นไปด้วยคุณภาพ
- ปรับตัวตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง
- ขยัน ทุ่มเท ใส่ใจ เพื่อธุรกิจและลูกค้าของตน
นี่จึงกลายเป็นสูตรสำเร็จและตัวอย่างที่ดีมากวิธีหนึ่งของการตลาดแบบปากต่อปากที่ถูกใช้งานมานานเกือบครึ่งศตวรรษ
แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็เหมือนดาบสองคม หากลูกค้าที่มาใช้บริการรู้สึกประทับใจจนนำไปบอกต่อ แบบนี้จะส่งผลดีกับธุรกิจมาก แต่หากผู้บริโภคไม่ชอบใจจนนำไปสู่การบอกต่อในแง่ลบแล้วล่ะก็ ย่อมส่งผลเสียอย่างมากเลยทีเดียว เผลอ ๆ อาจมีดราม่าตามมาเลยก็ได้ สำหรับกลยุทธ์การทำ Word of Mouth Marketing ผมจะกล่าวถึงในบทต่อ ๆ ไปครับ
เจ้เล้ง ดอนเมือง ภาพจาก : kaset1009
3. ทำ Original Content หาลูกค้าใหม่
เป็นเรื่องเบสิกมาก ๆ สำหรับใครที่ทำสาย Digital Marketing หรือทำธุรกิจกิจการต่าง ๆ ก็คงหนีไม่พ้นการทำ Content เพื่อหาลูกค้าใหม่อย่างแน่นอน ว่าแต่ทำไมการทำ Content Marketing ถึงสำคัญจนสามารถดึงความสนใจของลูกค้าได้ล่ะ ว่ากันว่า
1) ในปี 2020 ผู้คนกว่า 1.7 พันล้านคนใช้ Google เพื่อเสิร์ชหาข้อมูล
2) 1.9 พันล้านคน ดู Content บน Youtube
3) กว่า 2.4 พันล้านคน ออนไลน์บน Facebook
4) ผู้คนกว่า 1 พันล้านคน ออนไลน์บน Instagram
5) กว่า 303 ล้านคน ออนไลน์บน Linkedin
6) มากถึง 292 ล้านคน ใช้งาน Pinterest ในการค้นหา
หากอยากอ่านเพิ่มเติมไปที่ลิงก์นี้ได้เลยครับ 3 เหตุผลที่คุณควรลงทุนทำ Content Marketing ฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ว่าทุกคนเสิร์ชหาข้อมูลบนโซเชียลมีเดียกันตลอดเวลารวมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นการที่ข้อมูลจะไปปรากฎอยู่บนหน้าผลการค้นหาได้ ก็มีเพียงแค่การทำ Original Content เพื่อดึงความสนใจให้ผู้คนคลิกเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของเรานั่นเอง หากอยากเรียนรู้วิธีการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจสามารถหาอ่านในบทความอื่น ๆ ของ Cotactic ก็ได้ครับคลิกลิงก์นี้เลย https://www.cotactic.com/blog/
4. ทำ Facebook Page หรือเพจบนโซเชียลมีเดียอื่น ๆ
สำหรับผู้ประกอบการรายใดที่เพิ่งก่อตั้งหรือไม่เคยทำการตลาดบนโลกออนไลน์มาก่อนเลย การมีตัวตนในสื่อโซเชียลมีเดียจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ร้านค้าหรือธุรกิจของเราและยังค้นหาลูกค้าใหม่ได้อีกด้วย โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ บนหน้าเพจได้เลย อาทิ ระบบตอบแชทลูกค้าอัตโนมัติ แผนที่ตั้งร้าน หรือลิสต์รีวิวจากลูกค้าคนก่อน ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าหน้าใหม่สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจเชิงภาพรวมได้ ยิ่งไปกว่านั้นในแง่ของผู้ประกอบการเองสามารถลงสินค้าตัวใหม่ / เสนอขายโปรโมชั่นได้สะดวกกว่าเดิม หรือจะทำการยิงแอดโฆษณาควบคู่ไปด้วยก็ได้
และจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากธุรกิจของคุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุด เป็นกันเอง และเป็นมิตรกับลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ในเพจของคุณได้ แถมยังเรียกยอด Engagement ได้พุ่งสูงจนแทบไม่เชื่อสายตาเลยด้วย อย่างกรณีของเพจ “Escape Life Koh Kood” ที่แอดมินได้ใส่ความฮาและความเปิ่นลงไปในคอนเทนต์ด้วย ซึ่งสามารถเรียกยอดไลค์ คอมเมนต์ และแชร์กันได้อย่างถล่มทะลายเลยทีเดียวล่ะ
แคปชั่นสั้น ๆ แต่ความฮาไม่จำกัด ยอดไลค์แตะหลักหมื่น!!
5. ยิงแอด Facebook / Google Ads
Facebook Ads และ Google Ads คือ การยิงแอดอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เพจหรือเว็บไซต์ออนไลน์เติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น แถมยังได้ยอดขายพุ่งกระฉูดพร้อมกับหาลูกค้าใหม่ไปในตัว ข้อดีของการยิงแอดคือ สามารถเลือกยิงได้ตามพฤติกรรมของลูกค้าหรือความต้องการต่าง ๆ รวมไปถึงเลือกยิงได้ตามหมวดหมู่ประชากรศาสตร์อย่าง อายุ เพศ รายได้ ระดับการศึกษาเป็นต้น มีระบบช่วยค้นหากลุ่มเป้าหมายได้ฟรี สามารถนำมา Retargeting ลดค่าแอดได้ถึง 50% ติดตามผลการค้นหาได้แบบเรียลไทม์ แถมยังเลือกได้อีกด้วยว่าต้องการให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์แบบใดกับเพจของเราด้วย อย่าง การสร้าง Brand Awareness หรือ เพิ่มสร้าง Lead Generation ก็ได้ด้วย ยิ่งในยุคนี้ที่ผู้คนหันมาจับจ้องมือถือกันประหนึ่งเป็นอีกอวัยวะหนึ่งของชีวิต ก็คงแย่มากหากพลาดโอกาสทองในการทำโฆษณาผ่านช่องทางนี้ไปได้ หากท่านใดต้องการสร้างฐานลูกค้าเป้าหมาย (Lead Generation) ในโซเชียลมีเดียแล้วล่ะก็ อย่าพลาดบทความนี้ครับ เทคนิค Lead generation หาลูกค้าบน Facebook เจาะลึกเทคนิคต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย พร้อมทริคดี ๆ น่ารู้ให้คุณโดยเฉพาะ
ตัวอย่างการตั้งค่าเป้าหมายแคมเปญ ที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ
6. ออกบูท ออกงานอีเว้นต์
วิธีนี้คุณอาจจะยังไม่จำเป็นต้องมีสินค้า / บริการของตัวเองออกมาเป็นรูปเป็นร่างมาก่อนก็ได้ครับ เพราะจุดประสงค์หลักของเราคือการสร้างฐานลูกค้าและ Brand Awareness อาศัยโอกาสนี้เก็บเกี่ยวฐานข้อมูลลูกค้ามาให้ได้เยอะที่สุดและนำมาวิเคราะห์เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยการผลิตได้ นอกจากนี้ภายในงานเดียวกันคุณยังสามารถประเมินและยกระดับคุณภาพของแบรนด์ที่ซุ่มพัฒนาให้เทียบเท่ากับคู่แข่งที่อยู่ในงานเดียวกันได้ หรือแม้กระทั่งเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกลุ่มคู่ค้ากับองค์กรระดับเดียวกันได้อีกด้วย ภายหลังจากที่คุณมีสินค้าให้ทดลองใช้งานแล้ว ในโอกาสออกบูทครั้งต่อไปคุณสามารถนำสินค้ามาจัดแสดงเพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสในการขายสินค้า รวมไปถึงยังได้ประชาสัมพันธ์สินค้า / บริการไปในคราวเดียวกันอีกด้วย ว่ากันว่า พนักงานขายที่มีความเชี่ยวชาญสามารถออกบูทสร้างรายได้ได้หลักหมื่น – แสน ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในมหกรรมงานหนังสือเป็นแหล่งรวมสำนักพิมพ์ นักเขียน และบรรณาธิการที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้ามาพูดคุยและอุดหนุนสินค้าจากทางผู้เขียนได้โดยตรง
7. Corporate Social Responsibility (CSR)
วิธีนี้คือการสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมครับ เป็นการแบ่งงบประมาณการโปรโมทแผนการตลาดมาเพื่อทำ PR เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ อย่างเช่น “โครงการไทยเบฟรวมใจ ต้านภัยหนาว” ที่มีเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนทั่วประเทศให้พึ่งพาตนเองได้ และยังเป็นสื่อกลางชั้นดีที่บริษัทจะสามารถสื่อสารได้โดยตรงกับผู้บริโภคระดับท้องถิ่นนั้น ๆ โดยตรง และยังได้ฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีกเ)็นจำนวนมาก ซึ่งโดยปกติแล้วการทำแคมเปญนี้จะจัดทำในระยะยาวเพื่อสร้างภาพจำให้ผู้บริโภคในระยะยาวไปพร้อม ๆ กัน
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากการทำแคมเปญลักษณะนี้จะสามารถค้นหาลูกค้าใหม่ที่มีความชื่นชอบในโครงการดี ๆ แล้ว
ยังสามารถดึงดูดกลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพมาร่วมพัฒนาบริษัทของเราให้ก้าวไกลได้ด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว
ตัวอย่างโครงการของไทยเบฟ
ไอเดียทั้ง 7 ข้อนี้ก็ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างไอเดียของการเพิ่มฐานลูกค้าที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในหลาย ๆ วิธีทั้งหมด แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการควรรู้ไว้ในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ก็คือ “การรักษาฐานลูกค้าเก่าต้นทุนถูกกว่าหาลูกค้าใหม่เสมอ” เพราะลูกค้าเก่าคือกระบอกเสียงชั้นเยี่ยมที่จะสื่อสารสิ่งที่เรามีออกสู่สังคมส่วนรวมได้
และการโปรโมทแคมเปญต่าง ๆ ควรจัดทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่เว้นระยะห่างนานเกินไป เพราะลูกค้าอาจมีความรู้สึก “ปิดกิจการไปแล้วเหรอ? ไม่เห็นข่าวคราวเลย” ก็เป็นไปได้
——————————————————————–
ร่วมงานกับทีม Cotactic Media หนึ่งใน Digital Marketing Agency ชั้นนำของเมืองไทย ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มฐานลูกค้า การทำ Lead Generation หรือสร้าง Brand Awareness ได้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญรับทำการตลาดออนไลน์กับทีม Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress เพื่อให้เราเป็น Collaborative Marketing Partner ทำงานเป็นทีมร่วมกันกับคุณ
——————————————————————–
ติดต่อ
โทร.065-095-9544
Inbox: https://m.me/cotactic