MarTech หรือ Marketing Technology คือเทคโนโลยีที่ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทำกิจกรรมด้านการตลาด ถือเป็นเครื่องมือที่นักการตลาดมักหยิบมาใช้งานเพื่อให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างที่ตัวธุรกิจต้องการ ซึ่งส่วนมากแล้ว MarTech มักมาในรูปแบบของซอฟต์แวร์, โปรแกรม, เว็บไซต์ หรือ Social Media บนระบบดิจิทัล โดยเครื่องมือทั้งหมดที่ถูกใช้งานในปัจจุบันนั้น มีอยู่มากกว่า 7, 000 ตัวด้วยกัน! นอกจากเครื่องมืออีกปัจจัยสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ กลยุทธ์การตลาดเพราะก่อนที่เราจะใช้เครื่องมืออะไรก็ตามเราจำเป็นต้องเข้าใจกลยุทธ์ก่อนเสมอ!
วันนี้ Cotactic จึงอยากจะมาแชร์ 5 เครื่องมือ MarTech แสนสะดวก ให้ผู้ประกอบการที่สนใจได้รู้จักกันครับ ว่าจะมีตัวช่วยอะไรบ้างที่มีประโยชน์และสามารถนำไปใช้งานได้จริงในการทำธุรกิจ
1.Canva
สำหรับการทำ Digital Marketing นั้น นอกจากเนื้อหาหรือตัวคอนเทนต์แล้ว ปัจจัยอีกอย่างที่ทำให้กลยุทธ์การทำงานประสบความสำเร็จ ก็คือบรรดาภาพกราฟิกต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่คาดไม่ได้ นักการตลาดหลายคนจึงเลือกใช้ Canva แพลตฟอร์มเว็บไซต์ออนไลน์ ที่สนับสนุนการทำงานด้านออกแบบกราฟิกเพื่อใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างแบนเนอร์หรือภาพกราฟิกเพื่อโพสลงโซเชียลมีเดีย การสร้างสไลด์เพื่อใช้ในงาน Presentation ไปจนถึงภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ในสื่อโฆษณา เป็นต้น
ข้อดีและจุดเด่นของ MarTech : Canva
- มี Template สำเร็จรูปมากกว่า 60,000 แบบ ให้เราเลือกนำไปใช้งานได้อย่างอิสระ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน หลาย Template ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากนักออกแบบมืออาชีพ ทำให้เราสามารถสร้างชิ้นงานได้อย่างหลากหลาย ต่อผลยอดงานหรือกลยุทธ์ได้ตามใจต้องการ
- ใช้งานง่าย เข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แม้ผู้ใช้งานจะไม่มีพื้นฐานหรือความรู้ด้านกราฟิกเลยก็สามารถเริ่มต้นได้ในทันที เราสามารถสร้างชิ้นงานจาก Template สำเร็จรูปบนเว็บไซต์ แล้วดาวน์โหลดไปใช้ต่อได้อย่างง่ายดาย
- คลังภาพถ่ายกว่า 80 ล้านภาพ Canva มีภาพถ่ายมากมายให้เราดึงไปใช้งานได้จำนวนมหาศาล ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการทำคอนเทนต์หรือทำแบนเนอร์ลงโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้ชิ้นงานที่เราสร้างมีมิติและความสวยงามมากยิ่งขึ้น
- สามารทำงานร่วมกันได้ Canva รองรับการทำงานเป็นทีม ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนสามารถร่วมกันออกแบบ แก้ไข หรือสร้างสรรค์ชิ้นงานพร้อมกันได้แบบเรียลไทม์ เราสามารถแท็กสมาชิกทีมและคอมเมนต์ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ได้ในทันที
2.WordPress
อย่างที่ทราบกันดีว่าการที่ตัวธุรกิจมีเว็บไซต์หลักเป็นของตัวเองในยุคนี้ จะช่วยให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือและมีมิติการทำงานในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ WordPress จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ MarTech ทรงประสิทธิภาพที่นักการตลาดมากมายเลือกใช้ เพราะมันคือระบบ Content Management System หรือ CMS ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างและดูแลเว็บไซต์เองได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่อง Coding หรือ Programing แต่อย่างใด
ซึ่งตัว WordPress นั้น เราสามารถเริ่มต้นเลือกใช้งานได้ 2 แบบ คือ
- WordPress.org เป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโหลด Source code จากที่อื่นและนำมาติดตั้งลงในโฮสติ้งส่วนตัวได้ พร้อมรองรับการปรับแต่งและแก้ไขส่วนต่าง ๆ อย่างอิสระ จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ
- WordPress.com เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการผู้ใช้งานหรือตัวธุรกิจที่ต้องการมี Blog เป็นของตัวเอง เหมาะสมกับการทำเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่บทความเพียงอย่างเดียวมากกว่า เพราะตัวแพลตฟอร์มมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่ยืดหยุ่นเท่ากับตัว .org เช่น ปรับแต่งเว็บไซต์หรือเพิ่มลูกเล่นได้น้อย, ไม่สามารถนำปลั๊กอินและธีมอื่นเข้ามาติดตั้งภายในได้ เป็นต้น
ข้อดีและจุดเด่นของ MarTech : WordPress (.org)
- ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย WordPress เป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่สามารถใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่ดาวน์โหลดและติดตั้งก็สามารถใช้งานได้ในทันที (เสียแค่ค่าเซิร์ฟเวอร์และโดเมน)
- เรียนรู้ง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ด้าน Coding หรือ Programing ตัวธุรกิจสามารถจัดการสร้างและดูแลเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องจ้างโปรแกรมเมอร์มารับผิดชอบแต่อย่างใด
- ใช้งานง่าย ปรับแต่งเนื้อหาได้อย่างอิสระ WordPress มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างและอัปเดตเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งปรับแต่งตัวคอนเทนต์ได้อย่างอิสระ
- มีปลั๊กอินและธีมให้ใช้งานมากกว่า 50,000 ตัว ทั้งแบบฟรีและเสียเงินเพิ่ม ตัวธุรกิจจึงสามารถเพิ่มคุณสมบัติและลูกเล่นต่าง ๆ ได้ตามใจนึก อีกทั้งยังติดตั้งง่ายไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คลิกไม่กี่คลิกก็สามารถใช้งานได้ในทันที
ต้องการศึกษาข้อมูลของ MarTech เพิ่มเติม คลิก >> ที่นี่ <<
3.Google Data Studio
เครื่องมือจากแพลตฟอร์ม Search Engine ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักการตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะมันสามารถดึงข้อมูลจากเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาสร้างเป็น Dashboard เพื่อดูรายละเอียดของข้อมูลทั้งหมดได้ในที่เดียว ช่วยให้ตัวธุรกิจสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างง่ายดาย เห็นภาพรวมทั้งหมดชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากที่สุด ทั้งยังสะดวกต่อการแชร์และการนำเสนอ สามารถนำไปต่อยอดงานได้อย่างมากมายไม่รู้จบ
โดยข้อมูลที่สามารถดึงมาใช้งานได้นั้น ก็ครอบคลุมระบบแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น Google Adwords คือ การทำโฆษณาออนไลน์ผ่านเครือข่ายของ Google , Google Analytics คือ เครื่องมือที่ช่วยเจ้าของเว็บไซต์ในการเก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ปรับปรุงในส่วนต่างๆ, Google Search Console คือ บริการฟรีจาก Google ที่ช่วยคุณในการตรวจสอบและดูแลให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google ตลอดจนแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นต้น
ข้อดีและจุดเด่นของ MarTech : Google Data Studio
- ปรับแต่ง Dashboard ได้อย่างอิสระ Google Data Studio สามารถเลือกวิธีการนำเสนอข้อมูลให้เป็นกราฟรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกราฟแท่ง กราฟแผนภูมิ หรือกราฟเส้น รวมทั้งยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร สีตัวอักษร และแทรกโลโก้แบรนด์ของตัวเองเข้าไปได้อีกด้วย
- ใช้งานได้ฟรี Google Data Studio สามารถเริ่มใช้งานได้ฟรีและเข้าถึงได้ง่ายมากๆ เพียงแค่มี Gmail ก็สามารถสมัครใช้งานได้เลย
- มีความยืดหยุ่นสูง ต่อยอดงานได้อย่างอิสระ Google Data Studio เป็นเครื่องมือที่ต่อยอดการทำงานได้อย่างหลากหลาย นอกจากงานด้าน Marketing แล้ว มันยังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับแผนกอื่นได้อีกมากมาย เป็นตัวช่วยสำคัญที่หลายองค์กรขาดไม่ได้เลย
4.Vimeo
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ Vimeo ในฐานะแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเว็บไซต์ค้นหาหรือแชร์วิดีโอภาพเคลื่อนไหวเหมือนกับ Youtube แต่ตัว Vimeo นั้นมีศักยภาพการทำงานที่มากกว่านั้น เพราะมันมีฟีเจอร์และเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้าง Content เพื่อทำ Video Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่เริ่มต้นการผลิต การตัดต่อ การอัปโหลดเนื้อหา ต่อเนื่องไปจนถึงการรับชม และยังมีฟีเจอร์สนับสนุนด้านการ Live Streaming พร้อมตอบโจทย์ทุกกลยุทธ์ที่ตัวธุรกิจเลือกใช้
ข้อดีและจุดเด่นของ MarTech : Vimeo
- Domain Privacy ผู้ใช้งาน Vimeo สามารถตั้ง Domain Privacy เพื่อจำกัดการเข้าถึงคลิปวิดีโอได้ตามความต้องการ เหมาะสมกับตัวธุรกิจที่ต้องการแชร์วิดีโอกับคนเฉพาะกลุ่ม เช่น การขายคลิป หรือ การขายคอร์สสอนความรู้ออนไลน์ เป็นต้น
- ความปลอดภัยสูง ระบบหลังบ้านของ Vimeo มีความมั่นคงและความปลอดภัยสูง สามารถป้องกันการลักลอบดาวน์โหลดวิดีโอเถื่อนในเบื้องต้นได้
- สนับสนุนการทำงานแบบ Collaboration Vimeo มีฟีเจอร์ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกันได้ รองรับการผลิตและตัดต่อวิดีโอจากหลายคนในเวลาเดียวกัน
5.Quillbot
หากภาษาอังกฤษของคุณไม่แข็งแรง แต่ดันต้องทำงานหรือรับผิดชอบดูแลเนื้อหาที่ต้องผลิตออกมาเป็นภาษาอังกฤษ Quillbot คือเครื่องมือทุ่นแรงชั้นดี ที่จะช่วยขัดเกลางานของคุณให้ออกมาถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะมันเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ MarTech สุดรู้ใจ ที่จะช่วยให้คุณสามารถเขียนเนื้อหาภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ผ่านระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยให้การร้อยเรียงประโยคมีความสละสลวย ถูกต้องตามหลัก Grammar สากล
โดยตัว Quillbot ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากในงานด้านการตลาดที่ต้องสร้างสรรค์ Content ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ หรือ งานด้านการติดต่อสื่อสารผ่านอีเมล ที่เน้นเรื่องความเข้าใจและความถูกต้องมาเป็นอันดับแรก
ข้อดีและจุดเด่นของ MarTech : Quillbot
- มีความแม่นยำสูง ฟีเจอร์ Grammar Checker ของ Quillbot มีความแม่นยำสูงมาก มันจะช่วยปรับแต่งแก้ไขประโยคที่ผิดให้ถูกต้อง ทั้งยังสามารถแก้ไขคำผิดได้อีกด้วย
- สรุปความกระชับเข้าใจง่าย Quillbot มาพร้อมฟีเจอร์ Summarizer ที่ทำให้บทความหรือเนื้อหาที่คุณเขียน ถูกตัดทอนจนสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น ช่วยให้เนื้อหาที่คุณสร้างสรรค์มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
- ถอดความได้อย่างอิสระ ฟีเจอร์ Paraphraser ของ Quillbot จะช่วยถอดความเนื้อหาที่คุณสร้าง ก่อนจะเรียบเรียงออกมาให้เป็นประโยคในบริบทต่าง ๆ ตามที่ตัวธุรกิจต้องการ ส่งผลให้การทำงานเป็นไปได้อย่างยืดหยุ่น สามารถสร้างสรรค์ Content ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบทางการ หรือ มุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์ก็ตาม
หากธุรกิจคุณต้องการที่ปรึกษา ต้องการทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้แก่ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPressได้เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: https://m.me/cotactic
Line@: https://bit.ly/cotactic
ขอบคุณข้อมูลจาก