การถ่ายภาพนับเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย ที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อีกทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ให้ดูเป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากธุรกิจไหนสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์จากการถ่ายภาพได้ดี ก็มีสิทธิ์ที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคและหาลูกค้าได้มากกว่า
วันนี้ Cotactic จึงขอพาเจ้าของธุรกิจทุกท่าน ไปรู้จักกับ 4 เทคนิคการถ่ายภาพเรียกลูกค้ากันครับ ว่าจะมีเทคนิคอะไรบ้างที่สามารถนำไปต่อยอดและปรับใช้งานได้จริง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลยครับ
1.สินค้าต้องชัดเจน ต้องไม่เบลอ ไม่หลุดโฟกัส
การถ่ายรูปสินค้าให้ออกมาเด่นชัดเจน ไม่เบลอ ไม่หลุดโฟกัส เป็นพื้นฐานและหัวใจสำคัญของการถ่ายภาพเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ เพราะการถ่ายรูปโดยไม่โฟกัสที่ตัวสินค้าจะทำให้ภาพขาดความน่าสนใจ ไม่สวย ไม่โดดเด่น ดูไม่เป็นมืออาชีพ ดังนั้นผู้ถ่ายจึงจำเป็นต้องโฟกัสที่ตัวสินค้าอยู่เสมอ ให้คนที่เห็นภาพรู้ได้ในทันทีว่าเรากำลังขายอะไรอยู่ อะไรคือสินค้าที่เราต้องการนำเสนอ โดยอาจจะอาศัยเทคนิคบางอย่างเพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการหาจุดโฟกัสให้กับภาพได้
ยกตัวอย่างเช่น
- ใช้กฏสามส่วน (Rule of thirds) มาแบ่งภาพออกเป็นสามช่องทั้งแนวตั้งและแนวนอนเพื่อกำหนดจุดนำสายตาให้กับภาพ ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยเติมเต็มสัดส่วนของภาพถ่ายให้ออกมาดูดี สร้างมิติและความสวยงามให้กับสินค้าได้อย่างลงตัว
- ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่าง หรือ Negative Space ที่จะช่วยให้ตัวสินค้าโดดเด่นเห็นชัดมากยิ่งขึ้น เพราะการทำให้สินค้าโดดออกจากพื้นหลังจะทำให้สินค้าดูมีความน่าสนใจ รู้สึกจับต้องได้ รู้สึกถึงความสำคัญ สินค้าจะกลายเป็นจุดโฟกัสหรือศูนย์กลางของภาพไปโดยปริยาย
ดังนั้นหากแบรนด์ต้องการสร้างแรงดึงดูดแก่ทุกภาพที่ปล่อยไปบนโซเชียลมีเดีย จะเพื่อต่อยอดไปสู่การหาลูกค้าใหม่หรือจะเพิ่มยอดขาย องค์ประกอบเหล่านี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่สามารถช่วยเหลือธุรกิจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
2.ถ่ายภาพสินค้าให้ออกมาหลากหลายบริบท
การถ่ายรูปสินค้าควรถ่ายออกมาในหลากหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นในบริบทของการใช้งานหรือความสวยงาม เพราะหากเราถ่ายสินค้าออกมาในลักษณะเดียวกันหมด ภาพลักษณ์ของสินค้าที่ถูกปล่อยออกมาจะเรียบแบนขาดมิติการทำงาน ไม่ยืดหยุ่นพอจะต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดหรืออะไรได้เลย ในเรื่องของความรู้สึก ผู้บริโภคที่ผ่านมาเห็นจะไม่รู้สึกว่าสินค้านี้มีความโดดเด่นอะไร ลูกค้าจะไม่เห็นรายละเอียดมุมอื่นของสินค้า ไม่เห็นภาพในหัวว่าจะใช้งานได้อย่างไร ซึ่งมันส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อมากกว่าที่เราคิด
ยกตัวอย่างเช่น
- หากสินค้าของคุณเป็นรองเท้า ภาพที่ถ่ายออกมาต้องมีหลายมุมมอง หลายอิริยาบถ อาจเลือกถ่ายภาพสินค้าที่กำลังถูกใช้งานจริง มีคนสวมใส่ มีคนใช้งานรองเท้าควบคู่กับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งภาพเหล่านี้จะทำให้ผู้บริโภคที่เห็นสามารถเข้าใจได้ทันที ว่ารองเท้าของแบรนด์คุณมีลักษณะอย่างไร เน้นใช้งานแนวไหน เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่คิดจะซื้อหรือไม่
- หากสินค้าของคุณเป็นเฟอร์นิเจอร์ คุณอาจต้องถ่ายภาพให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเฟอร์นิเจอร์ของคุณสามารถวางไว้มุมไหนของตัวบ้านได้บ้าง มีภาพของคนที่กำลังใช้งานจริง มีภาพการเปรียบเทียบให้เห็น ว่าสามารถเข้ากับโทนสีหรือไลฟ์สไตล์ตัวบ้านแบบไหน ผู้บริโภคจะเห็นภาพจริงของเฟอร์นิเจอร์เวลาเข้าไปอยู่ในบ้าน พวกเขาจะรู้ได้อย่างทันทีว่าซื้อไปแล้วจะเหมาะสมแค่ไหน ช่วยสร้างการกระตุ้นความอยากซื้ออยากใช้ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นการถ่ายรูปสินค้าควรถ่ายออกมาให้หลากหลายมุมมองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าชิ้นนี้มีคุณภาพมากแค่ไหนแม้จะไม่ได้จับต้องสินค้าจริง ๆ ก็ตาม โดยองค์ประกอบการทำงานเหล่านี้นั้น จะช่วยสร้างฐานผู้บริโภคและหาลูกค้าใหม่ ๆ ให้แก่ตัวธุรกิจ ทั้งยังสอดคล้องต่อพฤติกรรมการใช้งานของผู้คนในปัจจุบัน ที่นิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ภาพถ่ายของสินค้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของพวกเขา ยิ่งภาพของสินค้ามีความหลากหลายมากเท่าไหร่ ความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
3.คุมธีม / สร้างสตอรี่
สินค้าทุกประเภทมักจะมีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป การคุมธีมและสร้างสตอรี่ให้กับภาพถ่ายจะสามารถช่วยพลักดันจุดเด่นเหล่านี้ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยก่อนถ่ายอาจต้องมีการวิเคราะห์ตัวสินค้าและกลุ่มผู้บริโภคก่อน ว่าจะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน ใช้ธีมอะไร ต้องถ่ายแบบไหนถึงจะดึงดูดความสนใจมากที่สุด
โดยการเลือกใช้ธีมที่ถูกต้องและดูเข้ากับสินค้าที่สุดนั้น อาจใช้หลักเกณฑ์ในการเลือกดังนี้
- วัสดุการผลิต ช่วยกำหนดภาพรวมของธีมสินค้าได้ในเบื้องต้น เช่น หากสินค้าเป็นประเภทกระเป๋า รองเท้า หรือเข็มขัดที่ทำจากหนังสัตว์ ธีมที่ใช้ก็อาจจะเป็น ธีมความหรูหราพรีเมี่ยม ดูแพง ภาพที่ถ่ายต้องให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่ เรียบง่ายแต่เคร่งครึม เป็นต้น
- สีสันของสินค้า สีของสินค้าก็ช่วยกำหนดทิศทางของภาพที่จะถ่ายได้ในระดับหนึ่ง เราอาจจะยึดเอาสีของสินค้าเป็นโทนหลัก แล้วเลือกพื้นหลังที่ตัดหรือดูเข้ากันมาเป็นส่วนประกอบก็ได้ ซึ่งจะทำให้สินค้าดูโดดเด่นและเป็นจุดโฟกัสมากยิ่งขึ้น
- ช่วงอายุของผู้บริโภค หากเราใช้หลักเกณฑ์นี้ในการสร้างธีม มันก็จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมคร่าว ๆ ได้ว่า ภาพที่เราจะถ่ายต้องมีบริบทการทำงานอย่างไร เช่น หากกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ก็อาจจะเลือกธีมสบาย ๆ สนุกสนานเป็นกันเอง แต่หากมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยกลางคน ก็อาจจะดูมีความจริงจังมากขึ้น ดูเรียบร้อยเน้นใช้งาน เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าธีมที่เรากำลังพูดถึงอยู่ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่โทนสีหรือเฉดสีเท่านั้น มันยังรวมไปถึงคอนเซปต์ของภาพที่จะถ่ายและบริบทการทำงานของสินค้าที่จะนำเสนอ ซึ่งก็พอสรุปได้ว่า ธีมที่เราคิดนั้นจะเป็นตัวกำหนดภาพลักษณ์ของสินค้าเพื่อจะใช้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียนั่นเอง
นอกจากนี้ ธีมที่เราเลือกใช้ถ่ายรูปสินค้ายังส่งผลถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ในทางอ้อมอีกด้วย ผู้บริโภคจะมีความคิดเห็นหรือความรู้สึกต่อแบรนด์อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับธีมและสตอรี่ของสินค้าที่เรานำเสนอไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ธีมที่เราเลือกใช้ในการถ่ายรูปสินค้าแต่ล่ะครั้งควรจะมีความคล้ายคลึงกัน มีคอนเซปต์การทำงานที่ไม่ต่างกันมากจนเกินไป แต่หากต้องการฉีกแนว หรือทำให้สินค้ามีความโดดเด่นแปลกแยกออกมา ก็ควรสร้างสรรค์อย่างรอบคอบที่สุด เพราะมันอาจส่งผลเสียมากกว่าที่เราคิดก็เป็นได้
4.มีนายแบบ/นางแบบประกอบ
ภาพของสินค้าที่มีนายแบบหรือนางแบบเข้ามาเป็นองค์ประกอบร่วม มักจะให้ความรู้สึกแง่บวกมากกว่าภาพของสินค้าเดี่ยว ๆ เพราะการที่มีคนอยู่ในภาพร่วมกับสินค้านั้น จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสินค้าสามารถจับต้องได้จริง สร้างความน่าเชื่อถือ ความอยากใช้ อยากซื้อ และอยากมีส่วนร่วม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการถ่ายภาพเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจเลยก็ว่าได้ โดยการเลือกนายแบบหรือนางแบบนั้น ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพ ส่วนสูง เพศ หรืออายุ
โดยหลักการถ่ายภาพสินค้าร่วมกับนายแบบหรือนางแบบนั้น ก็มีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น
- นำเสนอผ่านแง่มุมของการใช้งานจริง ภาพถ่ายของคนที่กำลังใช้งานสินค้าอยู่ จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นความอยากซื้ออยากใช้ให้กับผู้บริโภคที่เห็นเป็นอย่างมาก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้กับตัวแบรนด์ สร้างโอกาสเพิ่มยอดขายหรือหาลูกค้าใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สินค้าจำพวกเสื้อผ้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับ หากมีภาพของนายแบบ/นางแบบที่กำลังใช้งาน ก็จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ว่าสินค้าเข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองหรือไม่ หากซื้อมาใช้จริงแล้วจะเป็นอย่างไร เป็นต้น
- นำเสนอผ่านแง่มุมของไลฟ์สไตล์ที่ดูดี การถ่ายภาพนายแบบ/นางแบบควบคู่กับสินค้าในอิริยาบถที่ดูดีมีความน่าสนใจ จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของสินค้าไปในทางบวกมากยิ่งขึ้น เช่น หากสินค้าของคุณเป็นเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เสริมความงาม การนำเสนอสินค้าพร้อมนางแบบสวย ๆ ในอิริยาบบถที่เรียบหรูดูพรีเมี่ยม ก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้สินค้าดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ผู้บริโภคจะมั่นใจว่าหากซื้อมาใช้งานจริงแล้วจะคุ้มค่ามากแค่ไหน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้
แต่ถึงกระนั้นการถ่ายภาพสินค้าคู่กับนายแบบนางแบบ ก็ควรอยู่ในขอบเขตของเป้าหมายการทำงานที่ตั้งไว้ ควรมีธีมหรือคอนเซปต์ที่ชัดเจน มีความเข้ากันได้กับแบรนด์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การถ่ายภาพสินค้าเพื่อใช้ประกอบการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนซับซ้อน เพราะนอกจากความรู้และเทคนิคแล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์มากมายถึงจะสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไร จะหาลูกค้าเพิ่มหรือสร้างยอดขาย ทักษะการถ่ายภาพที่ถูกต้อง ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบการทำงานที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม
หากธุรกิจคุณต้องการที่ปรึกษา ต้องการทีมงานมืออาชีพด้านการรับทำเว็บไซต์ WordPress และการทำ Digital Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้แก่ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: https://m.me/cotactic
Line@: https://bit.ly/cotactic
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://stepstraining.co/content/7-techniques-to-take-product-photos