สำหรับหลายธุรกิจที่พัฒนาเว็บไซต์ด้วย WordPress อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้นอกจาก Plugin และการติดตั้ง Hosting นั่นก็คือ Theme องค์ประกอบที่ช่วยปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้ดูสวยงาม ใช้งานได้ง่าย และมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ ในบทความนี้เราได้รวบรวม 20 WordPress Theme ที่ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมเทคนิคการเลือกใช้และวิธีการติดตั้งสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ที่ไม่ควรพลาด!
WordPress Theme คืออะไร
WordPress Theme คือส่วนเสริมที่ช่วยในการปรับแต่งหน้าตาของเว็บไซต์ให้สวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีทั้งในลักษณะของธีมฟรี, ธีมเสียเงิน และธีมที่นักพัฒนา Customize ขึ้นมาเอง ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีการปรับแต่งที่ยาก-ง่าย และความสวยงามที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่แล้ว นักพัฒนามักจะเลือก Theme สำเร็จรูปเพื่อให้ง่ายต่อการออกแบบเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเลือกดาวน์โหลดฟรีได้จาก WordPress โดยตรง หรือเลือกซื้อได้จาก ThemeForest เป็นต้น
หลังจากเลือกธีมที่เราต้องการแล้ว ก็จำเป็นต้องมีการติดตั้งเพื่อเริ่มต้นใช้งาน ซึ่งมีวิธีติดตั้งด้วยกันทั้งหมด 3 วิธี คือ
- ติดตั้งด้วยการค้นหาผ่าน WordPress Dashboard (สามารถใช้ได้เฉพาะธีมฟรีของ WordPress เท่านั้น)
- ติดตั้งด้วยการอัปโหลดผ่าน WordPress Dashboard ติดตั้งได้แบบฟรีและพรีเมียม
- ติดตั้งด้วยการอัปโหลดผ่าน FTP ติดตั้งได้ทั้งแบบฟรีและพรีเมียม
ข้อดีของธีมสำเร็จรูป
- อัปเดตเป็นประจำ แต่ก็ไม่ควรเกิน 1 ปี
- มีคู่มือการใช้งานครบ
- Support ตลอดเวลา
- มีรีวิวหรือคนใช้งานเยอะ ให้เห็นว่าธีมนี้ดีจริง ๆ
ข้อเสียของธีมสำเร็จรูป
- ธีมบางธีมมีการติดตั้งที่ยุ่งยากและซับซ้อน
- มีฟีเจอร์บางฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น
- Custom ได้ยาก
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ Theme สำเร็จรูปนั้น นอกจากเรื่องของหน้าตาและความสวยงามแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรต้องคำนึงถึงคือคุณภาพของ Theme ว่ารองรับกับเว็บไซต์ของเราหรือไม่ รวมถึงการ Support หลังการใช้งานจากผู้พัฒนา เพราะบางธีมนั้นมีดีไซน์ที่สวย ตรงใจ แต่เมื่อติดตั้งแล้วอาจเกิดข้อผิดพลาดจนทำให้หน้าเว็บไซต์ผิดปกติหรือใช้งานไม่ได้
แนะนำ 20 WordPress Theme ที่ดีและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทำเว็บไซต์
1. Flatsome
Flatsome เป็นธีมที่เหมาะกับเว็บไซต์ที่เป็น E-commerce หรือจะเป็นเว็บไซต์แบบ Corporate ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มพัฒนาเว็บไซต์ด้วย WordPress มีข้อดีคือขนาดไฟล์ที่เล็ก ทำให้เว็บไซต์ของคุณเปิดและดาวน์โหลดได้ไวขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานื์ได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านโปรแกรมเมอร์หรือการออกแบบมากนัก
นอกจากนี้ Flatsome ยังมีปลั๊กอิน Page Builder เป็นของตัวเอง ซึ่งสะดวกกว่าการนำ Page Builder แบบอื่นมาใช้งาน สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้สะดวกและสวยงาม ไม่มีข้อจำกัดในการปรับแต่ง และมีการพัฒนาฟังก์ชันใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานอยู่เสมอ
2. Astra
เป็นหนึ่งในธีม WordPress ที่เหมาะสำหรับการสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์กับเว็บไซต์ในรูปแบบต่างๆ ได้ หรือหากใครต้องการทำเว็บ Blog หรือเว็บ Portfolio ก็สามารถทำได้ หรือแม้แต่เว็บไซต์ที่ต้องการทำ SEO ซึ่งจุดเด่นหลัก ๆ ของ Astra มีดังนี้
- มีขนาดไฟล์เล็ก ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโหลดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แม้จะมีเนื้อหาจำนวนมาก
- สามารถ Customize ธีมให้ตรงตามความต้องการได้
- Astra สามารถใช้งานร่วมกับปลั๊กอิน Page Builder ทั้ง Gutenberg, Elementor ได้
- เป็นธีมที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้มือใหม่และนักพัฒนา
3. Generate Press
Generate Press เป็นธีมเว็บไซต์ที่นักพัฒนาส่วนใหญ่การันตีว่าเป็นธีมที่มีความเบา และเหมาะสำหรับการทำเว็บไซต์ให้มีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นธีมที่ No jQuery แต่ธีมนี้อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่เป็นมือใหม่ที่ต้องการติดตั้งและใช้งานได้ทันที เพราะถึงแม้จะมีฟีเจอร์ที่สวยงามครบตามต้องการ แต่ก็จำเป็นต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติมให้สามารถใช้งานได้ดีและสะดวกมากขึ้นด้วย
4. JNews
เป็นธีม WordPress ที่เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ประเภท Blog หรือ บทความข่าวทั่ว ๆ ไป ใช้งานได้ง่าย สามารถ Customize ได้ ผู้ที่ทำเว็บไซต์ข่าวทั่วไปมักเลือกธีมนี้มาใช้งาน เพราะมี Widget สำหรับการทำเว็บไซต์บทความโดยเฉพาะ อีกทั้งยังรองรับการทำ SEO ด้วยฟีเจอร์การติดแท็กและขนาดธีมที่กะทัดรัด ช่วยให้ดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
5. Kadence WP
เป็นธีมที่มีหน้าตาเรียบง่าย แต่สามารถปรับแต่ง Layout ต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้เยอะ ทำงานได้ดีกับเว็บไซต์ที่เป็นรูปแบบ E-commerce ที่มีการใช้ปลั๊กอิน WooCommerce ในการทำระบบซื้อ-ขาย และรองรับปลั๊กอิน Page Builder อย่าง Gutenberg โดยมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบฟรีและแบบพรีเมียม ที่สามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ได้เต็มรูปแบบ
6. Citadela
Citadela เป็นธีม WordPress ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกเว็บไซต์ รองรับ Responsive Web Design เต็มรูปแบบ และผ่านการทดสอบว่าแล้วว่าสามารถออกแบบเว็บไซต์ด้วยฟีเจอร์และ Widget ที่มีความทันสมัยทั้งหมด นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานใน 83 ภาษารวมถึงภาษาไทย มีความง่ายในการใช้งานเพียงแค่ลากและวางเท่านั้น ดังนั้นใครที่ไม่มีความรู้ด้าน Coding มากก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
7. Brick Builder
เป็นเครื่องมือสร้างเพจยอดนิยม เพราะมีตัวช่วยที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถออกแบบเว็บไซต์ที่ซับซ้อนให้ง่ายขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มเติม มีความยืดหยุ่นในการสร้าง Grid ที่มีความซับซ้อนให้สามารถทำงานได้ดีในทุก ๆ อุปกรณ์ แถมมี Layout ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร จุดเด่นอยู่ที่ใช้งานง่าย และทำงานร่วมกับ CSS ได้เป็นอย่างดี
8. Divi
เครื่องมือการสร้างเว็บที่ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ลากและวาง เป็นธีมอเนกประสงค์ที่ใช้สร้างเว็บไซต์ประเภทไหนก็ได้ที่ต้องการ ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่ปรับแต่งและแก้ไขเทมเพลตให้เป็นไปตามที่ต้องการ แถมยังออกแบบให้เว็บไซต์รองรับ Responsive Web Design ได้ทุกขนาด นอกจากนี้ ยังมี Page Builder แถมมาในตัวอีกด้วย
9. BuddyBoss
เป็นธีมที่มาในรูปแบบของแพลตฟอร์มในการสร้างเว็บไซต์สมาชิก หรือ Community ออนไลน์ ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าใช้งานกับ Community ออนไลน์ได้เป็นอย่างดี จุดเด่นอยู่ที่มีระบบสมาชิกให้สามารถใช้งานได้ รวมถึงสร้าง Blog ที่เข้ากันได้กับเว็บไซต์อีกด้วย ถ้าเกิดใครที่อยากทำเว็บไซต์ที่เป็น Community เอาไว้พูดคุยหรือแชร์เรื่องราวระหว่างกัน เราแนะนำ BuddyBoss เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ
10. Rishi
Rishi เป็นธีมที่เหมาะกับผู้ที่อยากออกแบบเว็บไซต์ที่มีความเบาสบาย ใช้งานได้รวดเร็ว คำนึงถึง Page Speed และ Core Web Vital สามารถใช้งานร่วมกับ Page Builder ได้ทุกประเภท แถมยังรองรับการทำ SEO อีกด้วย มีเทมเพลตที่สร้างไว้ให้เลือกใช้ได้หลากหลาย ปรับแต่งสีสัน รวมถึงฟอนต์ได้ตามต้องการ สามารถลากวาง Widget ต่าง ๆ และสร้างเว็บไซต์ได้ทันที
11. Woostify
หากเคยเข้าชมเว็บไซต์ E-commerce ที่ใช้ WooCommerce เป็นปลั๊กอินสำหรับสร้างแพลตฟอร์มซื้อ-ขายออนไลน์อาจจะเคยเห็น Woostify ผ่านตากันบ้างแล้ว เพราะเป็นธีมที่ทาง WooCommerce ออกแบบขึ้นมาเองโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานร่วมกับ WooCommerce ได้เต็มรูปแบบ สามารถโหลดใช้งานได้ฟรีหรือเลือกใช้เป็น Woostify Pro ที่สามารถปรับแต่งให้รองรับกับแพลตฟอร์ม E-commerce ครบวงจรก็ได้เช่นกัน
12. Flexia Pro
เป็นธีม WordPress ที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานเป็นอย่างมาก สามารถปรับแต่งดีไซน์ที่ต้องการและใช้งานได้อย่างง่ายดาย มีดีไซน์ที่ทันสมัยให้เลือกใช้ และยังมีฟีเจอร์ที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็วกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ รวมถึงเป็นมิตรต่อการทำ SEO อีกด้วย
13. Kata Pro
หากคุณมีจินตนาการล้ำ ๆ อยากได้ WordPress Theme ที่สามารถสร้างเว็บไซต์แบบไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ธีม Kata Pro เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะธีมนี้ถูกพัฒนามาเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่ราบรื่น ตกแต่งเว็บไซต์โดยมี Interface ที่เรียบง่าย มีเครื่องมือที่ชื่อว่า Styler ที่เหมาะมาก ๆ สำหรับท่านที่ต้องการดีไซน์เว็บไซต์ที่สวยงามแต่ใช้งานง่าย
14. Botiga
สร้างร้านค้าบนโลกออนไลน์ของคุณด้วย Botiga ธีมที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับ E-commerce ที่ต้องการสร้างดีไซน์ที่สวยงาม และทำงานร่วมกับ Elementor ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีดีไซน์ที่ทันสมัยและสะอาดตา ช่วยให้พัฒนาเว็บไซต์ตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
15. Sukiwp
Sukiwp เป็นธีมฟรีที่มีน้ำหนักเบา ทำงานได้รวดเร็ว แต่ก็สามารถปรับแต่งธีมได้เยอะและมีความยืดหยุ่นสูง สำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่เป็น Blog หรือ Portfolio รวมถึง E-commerce ทุกแบบ มีเครื่องมือในการสร้างหน้าเว็บไซต์และตัวเลือกให้การปรับแต่งสีหรือ Layout ได้หลากหลาย โดยคำนึงถึง SEO เป็นหลัก รวมถึงเหมาะกับการทำเว็บไซต์ Responsive Web Design เป็นอย่างมาก
16. Newspaper
ธีมสำหรับสร้างเว็บไซต์ที่ต้องการทำบทความหรือข่าว โดยจะมีเทมเพลตสำหรับการทำหนังสือพิมพ์ออนไลน์โดยเฉพาะ มีความเรียบหรู ดูสะอาดตา นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งเทมเพลตให้เหมาะกับเว็บไซต์ประเภทอื่น ๆ ได้ตามต้องการ
17. Blocksy
Blocksy เป็นธีมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักพัฒนาคนไทย โดดเด่นในเรื่องการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมาก สามารถใช้งานได้กับทุก Page Builder เหมาะกับการทำ SEO และมีระบบ E-Commerce มาในตัวอีกด้วย
18. Spectra One
ธีม WordPress ที่มีความสวยงามและทันสมัย สร้างด้วยคุณสมบัติ Full Site Editing ที่สามารถใช้งานได้กับทั้ง Blog, Portfolio หรือเว็บไซต์ธุรกิจต่าง ๆ มีการออกแบบที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความโดดเด่นและทันสมัยกว่าเจ้าอื่น ๆ
19. Phlox
อีกหนึ่งธีมที่มีดีไซน์ที่ทันสมัย สามารถปรับแต่งได้ตลอด มีให้เลือกใช้งานกว่า 200 ธีม เหมาะกับเว็บไซต์เกือบทุกประเภท สิ่งที่ทำให้ Phlox มีความพิเศษกว่าธีมอื่น ๆ คือมีความรวดเร็ว ตอบสนองได้ไว เค้าโครง RTL ที่คำนึงถึง SEO เป็นธีมที่มีความเชื่อถือได้ เนื่องจากมีการอัปเดตอยู่เสมอ ใช้งานได้เป็นอย่างดีกับ Elementor
20. Essentials Theme
ธีมที่จะช่วยยกระดับเว็บไซต์ของคุณให้ขึ้นไปอีกระดับ เพราะ Essentials Theme มีหน้า Template ให้เลือกใช้ เพื่อนำมาปรับแต่งได้เยอะมาก ๆ โดยที่เพียงแค่เปลี่ยนเนื้อหา ไม่ต้องเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ใช้งานได้ดีกับ WPBakery มี Slider ให้เลือกใช้เยอะ เป็นธีมที่เป็น Multi-Function นักพัฒนาของธีมนี้ ออกแบบมาเพื่อให้ธีมนี้เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน แถมยังใช้งานได้กับหลาย ๆ อุปกรณ์
อ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ ท่านคงตัดสินใจได้แล้วว่าหลังจากนี้ จะเลือกใช้ WordPress Theme ไหนในการพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองบ้าง โดยสิ่งที่ควรคำนึงเป็นหลักคือฟังก์ชันการทำงาน ว่ารองรับกับเว็บไซต์ของเราหรือไม่ เพราะถ้าเกิดเลือกแค่ธีมที่ถูกใจ แต่ไม่สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการ ก็อาจจะต้องมาปรับแก้กันทีหลัง ทำให้เสียเวลาในการทำงาน ดังนั้น การเลือก WordPress Theme ที่มีคุณภาพ มีการพัฒนาและดูแลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณออกแบบเว็บไซต์ที่ดี และมีหน้าตาที่สวยงาม ทันสมัยอย่างแน่นอน
หากคุณต้องการที่ปรึกษาการรับทำเว็บไซต์ WordPress หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–