หากจะกล่าวถึงวิธีการประเมินความสำเร็จของเว็บไซต์ วิธีการดูผลลัพธ์ว่าเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่นำเสนอดีหรือไม่ หลายคนเลือกใช้วิธีดูค่า Bounce Rate เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและผลลัพธ์ของเว็บไซต์เรา โดยพิจารณาจากข้อมูลและตัวเลขความเป็นจริง ทั้งนี้ Bounce Rate คืออะไร สูตรคำนวณหาค่าของ Bounce rate ทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ พร้อมเทคนิคง่าย ๆ ในการปรับค่าให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
Bounce Rate คืออะไร
คือ อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานเพียงหน้าเดียว จากนั้นกดปิดทันที โดยไม่มีการคลิกต่อ หรือการมีส่วนร่วมใด ๆ ดังนั้น ค่าเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนตัววัดเนื้อหาและเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราสามารถปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ให้ผู้เชี่ยวชาญการรับทำเว็บไซต์ WordPress มาดูแล Bounce Rate บนเว็บไซต์ของคุณ!
Bounce Rate Google Analytics คือ
Bounce Rate Google Analytics คือ หน่วยการวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์จาก Google Analytics โดยระบบจะทำการจำตัวเลขและยอดการเข้าชม ก่อนจะประเมินค่าออกมาเป็น Bounce Rate หรือตัวเลขที่เห็นถึงคุณภาพ ทิศทางของเนื้อหา รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานในเว็บไซต์นั้น ๆ
ความสำคัญของ Bounce Rate
“แสดงให้เห็นถึงคุณภาพเว็บไซต์”
ดังที่กล่าวมาในข้างต้นจะเห็นได้ว่าค่า Bounce Rate เปรียบเสมือนตัวชี้วัดที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพเว็บไซต์ โดยเมื่อคำนวณค่าดังกล่าวออกมาจะแสดงให้เห็นถึงตัวเลข สะท้อนให้เห็นถึงยอดการเข้าชม การมีส่วนร่วม การกดปิด และอื่น ๆ
ตัวเลขเหล่านี้จะนำไปสู่การวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาหรือคอนเทนต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เมื่อคลิกเข้าเว็บไซต์แล้วกดไปยังหน้าอื่น ๆ ต่อ รวมถึงมองเห็นทิศทางว่าการทำเว็บไซต์หรือเนื้อหาแบบใดจึงจะตอบโจทย์ สร้างความน่าสนใจ และทำให้ Bounce Rate อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งจะจะมีผลต่อการทำ SEO และการทำให้ติดอันดับหน้า Google
Bounce Rate ที่ดีควรอยู่ที่เท่าไร
ตามปกติค่า Bounce Rate กลางจะอยู่ที่ 35-55% ทั้งนี้จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์ ดังนี้
- เว็บไซต์ E-commerce ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 20-45%
- เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ Business to Business ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 25-55%
- เว็บไซต์ทั่วไป ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 30-55%
- เว็บไซต์เน้นนำเสนอเนื้อหาต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็น E-commerce ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 35-60%
- เว็บไซต์ Landing Pages หรือเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูล ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 60-90%
สูตรคำนวณหาค่าของ Bounce Rate
วิธีการคำนวณสูตรในเบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยมีสูตรดังนี้
Bounce Rate = อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานเพียงหน้าเดียวทั้งหมด/อัตราการคลิกเข้าชมหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้ที่รับทำ SEO หลายแห่ง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่นิยมใช้ Bounce Rate Google Analytics ในการตรวจสอบ เนื่องจากสะดวกสบายและสามารถใช้งานได้ฟรี ที่สำคัญยังสามารถดูข้อมูลอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น จำนวนคนเข้าชมแบบเรียลไทม์ อุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานใช้เข้าชมเว็บไซต์ อายุ เพศ เวลาในการเข้าชม ซึ่งนับว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง
เทคนิคปรับ Bounce Rate อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
การที่เว็บไซต์มีค่า Bounce Rate สูงอาจเกิดได้จากหลายกรณี ทางที่ดีจึงควรพยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจ รวมถึงปรับเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ เพื่อให้ค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเสมอ โดยในเบื้องต้นสามารถทำตาม 5 เทคนิคง่ายๆ ดังนี้
1. เพิ่ม Page Speed ของเว็บไซต์
Page Speed หรือ ความเร็วของการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อแสดงข้อมูลให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ หากการดาวน์โหลดหน้าหรือการประมวลผลรวดเร็วก็จะช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้ใช้งานได้ง่าย ๆ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันจะเน้นไปที่ความรวดเร็วเป็นที่ตั้ง เมื่อค้นหาเร็วก็หวังจะพบคำตอบอย่างรวดเร็ว
2. ปรับคุณภาพเนื้อหาให้น่าสนใจและมีคุณภาพ
เนื้อหาเปรียบเสมือนหัวใจหลักของเว็บไซต์ เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ก็มีความคาดหวังและตั้งใจที่จะเข้ามาในเว็บไซต์เพื่อหาคำตอบ ข้อมูล ความรู้ ดังนั้น คุณภาพเนื้อหาจึงจะต้องมีความน่าสนใจ แม่นยำ น่าเชื่อถือ รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน จนสามารถสร้างความประทับใจและทำให้ผู้ใช้งานนั้น ๆ กลับเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ในครั้งถัดไป
3. การดีไซน์ UX/UI
ความสวยงามของเว็บไซต์และความสะดวกก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหลายคนเลือกใช้งานเว็บไซต์ที่มีรูปแบบการดีไซน์สวยงาม เอื้อต่อการใช้งาน มองเห็นถึงฟังก์ชันหรือเมนูต่าง ๆ ได้โดยง่าย ไม่สร้างความสับสนหรืองุนงงให้กับผู้ใช้งาน
4. แทรกลิงก์ในเนื้อหาเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บอื่น
การแทรกลิงก์ในเนื้อหา เพื่อเชื่อมต่อไปยังหน้าอื่น ๆ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและอยู่ในหน้าในเว็บไซต์ได้นานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาจจะต้องแทรกลิงก์เนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ และจะต้องไม่ลืมทำเนื้อหาหรือคอนเทนต์ให้น่าสนใจควบคู่ไปด้วย
5. ปรับหน้าเว็บให้เป็น Mobile Friendly
ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหลัก เนื่องจากสะดวกสบาย พกติดตัวไปได้ทุกที่ เมื่ออยากรู้หรือต้องการค้นหาบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำได้ทันทีผ่านโทรศัพท์มือถือของตนเอง ดังนั้น เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการอยู่บนหน้าเว็บไซต์และการมีส่วนร่วมแทนที่จะกดออก จะต้องไม่ลืมที่จะปรับหน้าเว็บให้สะดวก รองรับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย
สรุป
Bounce Rate คือ ตัวชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ที่ไม่ควรมองข้าม และควรตรวจสอบค่าเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานยิ่งขึ้น และมีการคลิกต่อไปยังหน้าต่าง ๆ โดยอาจจะปรับตาม 5 เทคนิคในเบื้องต้น ก็จะช่วยให้ค่า Bounce Rate ในเกณฑ์ที่ดี แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อการทำ SEO รับรองว่าเว็บไซต์จะติดอันดับบนหน้า Google ได้ไม่ยาก
——————————————————————–
หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
——————————————————————–
ขอบคุณข้อมูลจาก