การทำ Search Engine Optimization หรือ SEO คือ กระบวนการเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ ผลักดันให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับในหน้าแรกของการค้นหาบน Google เป็นอีกหนึ่งวิธีทำการตลาดที่เหล่าผู้ประกอบการให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงได้ง่ายและทั่วถึงมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ได้รู้จักสินค้าหรือแบรนด์โดยที่เจ้าของธุรกิจไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าโฆษณาให้มากมาย
ซึ่งก่อนหน้านี้ Cotactic ได้แนะนำ 16 วิธีทำ SEO Audit เป็นกระบวนการตรวจสอบปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออันดับการค้นหาแบบ Organic Search ในกรณีที่เว็บตกอันดับ แต่ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 5 พื้นฐานสำคัญที่คุณต้องรู้ไว้ในการทำ SEO เหมาะสำหรับผู้ประกอบการและ CEO มือใหม่ที่เพิ่งทำเว็บไซต์และอาจจะยังไม่ถนัดใช้เครื่องมือวิเคราะห์มากนัก จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1.รวบรวมคีย์เวิร์ดไว้เป็นเสาหลักของเว็บไซต์
คีย์เวิร์ด ( Keywords ) ถือเป็นหัวใจหลักของการทำ SEO ที่ผู้ประกอบการต้องค้นคว้าเป็นอันดับแรก สามารถอิงจากข้อมูลพื้นฐานของสินค้าหรือแบรนด์อย่างเช่น คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับบริการ, ปัญหา, ความต้องการรวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย โดยคุณสามารถพิสูจน์ความเป็นไปได้และความน่าสนใจของคำนั้นด้วยโปรแกรมค้นหาคีย์เวิร์ดมากมายทางอินเทอร์เน็ต เพื่อเช็กข้อมูลที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่าง Search Volume, Local Keyword, Keyword Idea เป็นต้น เพื่อให้ได้คำที่กลุ่มเป้าหมายมักใช้ในการค้นหาจริง ซึ่งในการทำ SEO คุณสามารถแบ่งคีย์เวิร์ดเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
-
Generic Keyword
เป็นประเภทคำหรือวลีทั่วไป เช่น หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจเกี่ยวกับชานมไข่มุก อาจจะใช้คีย์เวิร์ด “ร้านชานม” หรือ “ชานมไข่มุก” ซึ่งมีปริมาณการค้นหาเยอะแต่การแข่งขันก็สูงเช่นเดียวกัน การขึ้นเป็นอันดับต้นด้วยคีย์เวิร์ดประเภทนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สามารถใช้เพื่อสะสมคะแนน SEO ไปเรื่อย ๆ ได้
-
Niche Keyword
เป็นการใช้คำเฉพาะที่แคบลงมา เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจเกี่ยวกับชานมไข่มุก อาจจะใช้คีย์เวิร์ด “ร้านชานมในกรุงเทพ” หรือ “ชานมไข่มุก 0 แคล” คีย์เวิร์ดประเภทนี้จะทำให้เว็บไซต์มีคู่แข่งน้อยลงในการไต่อันดับ SEO
-
Longtail Keyword
เป็นคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุด แม้จะมีความเป็นไปได้ในการค้นหาน้อยกว่าอีก 2 ประเภทแต่มีโอกาสสร้างรายได้ให้ธุรกิจมากที่สุด เช่น หากธุรกิจคุณเป็นธุรกิจเกี่ยวกับชานมไข่มุก อาจจะใช้คีย์เวิร์ด “ร้านชานมในกรุงเทพ ติดรถไฟฟ้า” หรือ “ชานมไข่มุก 0 แคล เดลิเวอรี่”
จากนั้นเมื่อกำหนดคีย์เวิร์ดได้ครบทั้ง 3 ประเภทแล้ว ก็สามารถนำคำเหล่านี้ไปใส่ในข้อมูลหน้าเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นหน้าแรก ส่วนแนะนำบริการหรือสินค้า รวมไปถึงคอนเทนต์ในหน้าบทความ
2.อัปเดตคอนเทนต์เป็นประจำ ไม่ให้ตกเทรนด์
ยิ่งเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหามากเท่าไหร่ โอกาสถูกค้นพบจากกลุ่มเป้าหมายก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ควรเป็นเนื้อหาคุณภาพที่มีทั้งคีย์เวิร์ดหลักที่ใช้อยู่เป็นประจำและอัปเดตคำหรือวลีใหม่ ๆ ตามกระแส เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถค้นเจอเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น สำหรับ 3 ประเภทคอนเทนต์ยอดนิยมที่ควรใช้ ได้แก่
-
คอนเทนต์ให้ความรู้
เน้นเนื้อหาที่ช่วยแก้ปัญหาและทำให้ผู้อ่านมองเห็นโอกาสมากขึ้น ควรมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ เช่น งานวิจัย, สำนักข่าว หรือจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นต้น
-
คอนเทนต์สินค้าและบริการ
เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลสินค้าหรือบริการจากเว็บไซต์ ทั้งราคา, วิธีใช้, รีวิว, วิธีสั่งซื้อ, ช่องทางติดต่อรวมถึงข้อมูลจำเป็นอื่น ๆ ที่ลูกค้าต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
-
คอนเทนต์ภาพ วิดีโอ หรืออินโฟกราฟิก
นอกจากเนื้อหาบรรยายข้อมูล สิ่งที่เว็บขาดไม่ได้เลย คือ คอนเทนต์สื่อประเภทภาพ วิดีโอ อินโฟกราฟิก เพื่อสร้างสีสันให้หน้าเพจ ช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายให้อยู่ในเว็บไซต์ได้นานขึ้นซึ่งส่งผลให้คะแนน SEO ของคุณดีขึ้นด้วย
3.ให้ความสำคัญกับหลังบ้านอย่าง Meta Tag
ในเบื้องหลังการออกแบบแต่ละส่วนของเว็บไซต์จะมีหน้า Source Code ที่ผู้สร้างต้องใส่ข้อมูลตัวอักษรอธิบายคอนเทนต์ว่าหน้าเว็บนั้นเกี่ยวกับอะไร โดยเรียกส่วนนี้ว่า Meta Tag ถึงแม้จะไม่ปรากฏให้เห็นบนเว็บไซต์แต่ก็เป็นอีกสะพานเชื่อมช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเสิร์ชหาคุณเจอ เพราะมี Search Engine โปรแกรมสืบค้นข้อมูลของ Google คอยสำรวจ Meta Tag ตามเว็บที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้งานมากที่สุด ซึ่งมี 2 ส่วนสำคัญที่คุณควรรู้ ได้แก่
-
Title Meta Tag
ชื่อหรือข้อมูลหน้าเว็บที่แสดงอยู่ส่วนบนสุดของเบราว์เซอร์ ซึ่งจะแสดงผลตรงกับหัวข้อหรือ Headline ในเว็บไซต์
-
Meta Description
เนื้อหาเกริ่นเกี่ยวกับข้อมูลในเว็บไซต์ แสดงต่อจาก Title Meta Tags หรือ Headline ถือเป็นส่วนสำคัญทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่กำลังเลือกเข้าเว็บในหน้าแสดงผลการค้นหาบน Google
4.หมั่นสร้าง Backlink เชื่อมกลับมาหน้าเว็บไซต์
เป็นการนำ Link เนื้อหาของเว็บไซต์ไปแปะไว้ตามหน้าเว็บนอกที่มีเนื้อหาหรือจัดอยู่ในประเภทเว็บไซต์ที่ใกล้เคียงกัน โดยส่งลิงก์แทรกเข้าไปในรูปแบบของบทความ, บทสนทนา หรือการโพสต์ตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้อ่านสามารถคลิกลิงก์กลับมาสู่หน้าเว็บไซต์ แต่ที่สำคัญในการเลือกเว็บ Backlink จะต้องเช็คคะแนน DA/PA ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO ซึ่ง Cotactic ได้เตรียมคำตอบไว้ให้คุณแล้ว คลิกอ่านได้เลย
5.เพิ่มโอกาสอีกทางด้วย Alt Text ในรูปภาพ
ปัจจัยสุดท้ายนอกจากเนื้อหาจะมีผลต่อคะแนน SEO แล้ว รูปภาพที่ใช้ตกแต่งหน้าเว็บให้ดูดี มีสีสัน ก็สามารถช่วยให้เว็บของคุณติดอันดับค้นหาในหน้าแรกได้เช่นกัน ด้วยการกำหนด Alt Text คำอธิบายรูปใน HTML Code ของเว็บไซต์ ซึ่งในการอัปโหลดรูปลงเว็บไซต์ คุณสามารถแทรกคีย์เวิร์ดคำอธิบายเพื่อเพิ่มโอกาสให้รูปภาพบนเว็บถูกค้นเจอใน Google Image ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO เช่นกัน
จากทั้ง 5 ปัจจัยพื้นฐาน การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะกว่าจะติดอันดับต้นหรือหน้าแรกบน Google ได้ ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการปรับแต่งเว็บไซต์ทั้งโครงสร้าง, คอนเทนต์, Code หลังบ้าน เป็นต้น เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการหรือ เจ้าของธุรกิจจะต้องคอยอัปเดตและมองหาจุดปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ SEO ช่วยปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลักการจัดอันดับของ Google ติดต่อ Cotactic บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPressได้เลยวันนี้
โทร. 065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
ขอบคุณข้อมูลจาก:
www.mtu.edu, contentshifu.com, www.seo.co.th